28เดือนปิดประตู“ยิ่งลักษณ์”บินนอก!?!รู้ไว้คนอนุญาตมีแค่“ศาล”ไม่เกี่ยว“คสช.”หากหนีต้องทิ้งเงิน30ล้าน-ออกหมายจับเป็นนักโทษเดินตามรอยพี่ชาย???

จากกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวนพยานจำเลยนัดสุดท้าย และนัดฟังคำสั่งว่าจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความปมยึดสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามคำร้องของทีมทนายนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งในวันนี้บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักเพราะมีมวลชนเดินทางให้มอบดอกไม้ให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นจำนวนมากกว่าปกติ รวมทั้งบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยและแกนนำแนวร่วมกลุ่มประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายแพทย์เหวง โตจิราการ

       ย้อนไปจุดเริ่มต้นของคดีโครงการทุจริตรับจำนำข้าว โดยเมื่อวันที่ 19 พ.ค.58 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีการนัดพิจารณาคดีหมายเลขดำที่ อม.22/2558 ระหว่างอัยการสูงสุด โจทก์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำเลย เรื่องความผิดต่อหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 จากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฐานละเลยไม่ยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวสร้างความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท

       “วันนี้มาตามกระบวนการ เป็นการต่อสู้ตามกระบวนการ มั่นใจในความบริสุทธิ์ เชื่อว่าศาลจะให้ความยุติธรรม และจะพิจารณาไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย ให้ความยุติธรรมแก่ทุกคน” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวเมื่อเดินทางมาถึงศาล19พ.ค.58

      

       ทั้งนี้บรรยากาศภายในห้องพิจารณาคดีวันแรก ศาลได้อ่าน และอธิบายคำฟ้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ฟัง โดยที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนยันให้การปฏิเสธตามคำให้การที่ทำเป็นลายลักษณ์อักษรมา และจะยื่นคำให้การฉบับสมบูรณ์เพิ่มเติม ซึ่งศาลอนุญาต พร้อมมีคำสั่งให้นัดตรวจพยานหลักฐานของทั้ง 2 ฝ่าย หลังจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งศาลอนุญาตโดยมีเงื่อนไขห้าม น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับการอนุญาตจากศาล

       ขณะที่ในวันนั้นนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ เปิดเผยว่าคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ หลังตกเป็นจำเลย ในฐานความผิดปฏิบัติหน้าที่มิชอบสร้างความเสียหายแก่รัฐตามประมวลกฎหมาย อาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ที่ละเลยไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวสร้างความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท พร้อมยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว เป็นบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ จำนวน 30 ล้านบาท ซึ่ง ศาลอนุญาตให้ประกันตัว แต่มีเงื่อนไขห้ามออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาต

 

       อย่างไรก็ตามคดีดังกล่าวเริ่มนับวันเริ่มต้นคดีเมื่อศาลรับฟ้องเป็นคดีที่ อม.22/2558 เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2558 หลังอัยการสูงสุดยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ตามกฎหมาย ป.ป.ช. กรณีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว สร้างความเสียหายแก่รัฐกว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งมาถึงวันนี้21ก.ค.60 ก็เป็นเวลา28เดือน ท่ามกลางสายตาของหลายฝ่ายทั้งสนับสนุนและที่ยืนอยู่ตรงข้ามว่าเมื่อถึงที่สุดแล้วนส.ยิ่งลักษณ์ จะกำหนดชะตาชีวิตตัวเองอย่างไร ซึ่งบางขณะแม้เจ้าตัวเองก็ยังพูดไม่ชัดแม้จะพยายามยืนยันมาโดยตลอดถึงความบริสุทธิ์ต่อสู้ตามกระบวนแต่ก็ไม่เคยได้ยินสุ้มเสียงที่แจ่มชัดและหนักแน่นว่าจะไม่หนีไปไหนเด็ดขาด ขณะเดียวกันบางเสียงก็วิพากษ์วิจารณ์ว่าอดีตนายกฯอาจหนีคดีหรือไม่ กระนั้นก็ต้องไม่ลืมว่ามีเงินประกันตัวอยู่ถึง30ล้าน แต่เหนืออื่นใดหากอดีตนายกฯตัดสินใจเช่นนั้นก็อาจถูกออกหมายจับ ท้ายที่สุดชะตากรรมอาจไม่ต่างจากพี่ชาย