- 21 ก.ค. 2560
ติดตามรายละเอียดที่นี่ http://www.tnews.co.th
เป็นหนึ่งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีกระแสข่าวต่อเนื่องในช่วงระยะที่ผ่านมา ถึงขั้นต้องทำหนังสือชี้แจงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) หลายรอบ สืบเนื่องจากประเด็นผลกระทบจากการเข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะเป็นจำเลยร่วม ตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้บริษัทต้องร่วมชำระคืนเงินแก่ธนาคารกรุงไทย ในจำนวนเงินมูลค่าสูงถึง 10,004 ล้านบาท จน ต.ล.ท.ต้องขึ้นเครื่องหมาย SP และ NP หุ้น AQ หรือ บมจ.เอคิว เอสเตท (ชื่อเดิมก็คือบมจ. กฤษดามหานคร จำกัด หรือ KMC ) ตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.2560 ที่ผ่านมา
ล่าสุดมีข่าววงในเริ่มแพลมไต๋ออกมาว่า AQ กำลังจะกลับมากระดี๊กระด๊าอีกรอบในเดือน ส.ค. นี้ ภายหลังแผนเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ประสบความสำเร็จทั้ง 2 ครั้ง จนสามารถระดมทุนเข้ากระเป๋าเหนาะๆ กว่า 3.6 พันล้านบาท ขณะเดียวกันมีข่าววงในมาแรง บอกเล่าว่าราคานอกกระดานหุ้น AQ มีสนนราคาเสนอซื้อ พุ่งทะยานไปถึงหุ้นละ 30 สตางค์ แต่ก็หาซื้อได้ยากมาก ??
แน่นอนว่าเป็นธรรมดาโลก...ผู้ถือหุ้นติดมาขนาดนี้ คงไม่มีใครคิดจะบ้าขาย ในเมื่อที่ดิน AQ 4.3 พันไร่แสนสวย ซึ่งเคยเป็นทุกขลาภของ AQ กำลังจะกลายมูลค่าเป็นยิ่งกว่าขุมทองคำ แปรสภาพเป็นก้อนเงินมหาศาล ด้วยตัวเลขที่มีการประเมินเบื้องต้นว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 4 ล้านบาทต่อไร่ คูณไปคูณมาสระตะคงทำเงินไม่ต่ำกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท !!!
และด้วยเหตุผลนี้แหละ คือปัจจัยสำคัญทำให้สองยักษ์ใหญ่วงการอสังหาริมทรัพย์ระดับประเทศต่างจ้องตาเป็นมัน โดยแว่วๆ ว่าหนึ่งในนั้นมีชื่อ “เสี่ยเจริญ” ผ่านเครือข่าย TICON เพราะมีการเพิ่มทุนกว่าหมื่นล้านบาทเพื่อรอโปรเจคนี้มาตั้งแต่ต้นปี งานนี้ผู้สันทัดกรณีนั่งยันนอนยัน ... ไม่ได้มั่วแน่นอน !!! ส่วนอีกกลุ่มที่ให้ความสนใจขยับแข้งขา เหลือบตามองด้วยสายตาลุกวาว คือ “กลุ่มเครือธุรกิจอาหารรายใหญ่ยักษ์” แต่ผู้สันทัดกรณีฟันธงว่า คนเข้าวินน่าจะเป็น “เสี่ยน้ำเมา” เพราะราคาที่เสนอและความสัมพันธ์ระหว่างลูกชายหัวแก้วหัวแหวนและผู้บริหาร AQ
มาถึงคำถามสำคัญว่า คนซื้อไปทำไม... ทั้งๆที่ราคาปิดล่าสุดแค่เพียง 22 สตางค์ แต่ผู้สันทัดกรณีนี้ บอกเว่า คนซื้อหุ้น AQ นอกตลาด อาจแค่ดูโดยเผินๆ เท่านั้น เพราะราคาที่ซื้อแพงกว่า Book Value และ เพิ่งจะมีเพิ่มทุนหมาดๆ และอาจจะเพิ่มทุนอีก ? หรือคนขายโง่ที่ขายเพราะคิดว่าฉลาดกว่าและอ่านเกมออก ? แต่หลังศึกษาดูดีดี ปรากฏว่า Book Value ที่ดูต่ำ เป็นเพราะลงบัญชีราคาที่ดิน 4.3 พันไร่ มีก้อนเงินเพียง 5 พันล้านบาท และสำรองหนี้ไปอีกกว่า 3 พันล้านเท่านั้น ??? วิเคราะห์ให้ลึกไปอีก สามารถสรุปเป็นประเด็นเพื่อความเข้าใจง่าย ๆ ได้ดังนี้
1. หากเรื่องกับธนาคารกรุงไทยจบ 3 พันล้าน ก็ Reverse (**หมายเหตุผู้สันทัดกรณีได้ยินข่าวว่าจบแล้วเสียด้วยซ้ำ)
2. ที่ดิน 4.3 พันไร่ สีม่วง ใกล้สุวรรณภูมิ ราคาขายที่ดินนิคมแถวนั้นอยู่ 10-12 ล้านขึ้น หากยังไม่พัฒนาน่าจะอยู่ราว 5-6 ล้าน แต่ที่ลงบัญชีราคา 5 พันล้าน ก็เพราะลงตามราคาบังคับขาย
ดังนั้นหากปรับตัวเลข Book Value ใหม่ (โดยคำนวน Dilution แล้ว) จะอยู่ที่เกือบ 40 สตางค์ แบบยังไม่พัฒนาที่ดินนิคม และหากพัฒนาก็คูณไปเลย ... สนนราคาก็น่าจะขยับขึ้นไปประมาณ 1 บาทต่อหุ้น และในไตรมาส 2 เชื่อได้ว่า AQ จะ Reverse การตั้งสำรองอีกหลายพันล้านจากคดีกรุงไทย...
สรุป... คนที่บ้าซื้อ อาจจะไม่บ้าเท่าคนที่บ้าขาย เพราะคนซื้อคือพวกมีข้อมูลภายในแน่นอน !!!!
มองในมุมเก็งกำไร หุ้นกลับมาซื้อขายใหม่ทุกตัวววววววววว ราคาเปิดไม่เคยต่ำกว่าราคาเดิม ... ส่วนใหญ่อยู่ที่ 150-7000% … ฟังแล้วอาจตกใจ แต่นี่คือเรื่องจริง ....
ตัวอย่างล่าสุด
AJP (11 ก.ย. 56)
ก่อนขึ้น SP 0.23 บ.
เทรดวันแรก 17.8 บ.
+7,639.13%
TWS (31 ต.ค. 56)
ก่อนขึ้น SP 1.72 บ.
เทรดวันแรก 18 บ.
+946.51%
SMPC (11 พ.ย. 56)
ก่อนขึ้น SP 1.85 บ.
เทรดวันแรก 36 บ.
+1,845.95%
MPG (9 ก.ค. 57)
ก่อนขึ้น sp 0.13 บาท
เทรดวันแรก ราคาเปิด 3.52
+2608%
Sgf (1 ก.พ 60)
ก่อนขึ้น sp 0.26
เทีดวันแรก 0.69 บาท
+165%
Apx (27 มี.ค 60)
ก่อนขึ้น sp 1.49 บาท
เทรดวันแรก ราคาเปิด 2.12 บาท + 42%
ราคาปิด 0.96
บทสรุปสุดท้าย ผู้สันทัดกรณี ขีดเส้นใต้ให้เฝ้าจับตากันต่อไปว่า “ เราติดมานาน อย่าหวังเยอะเลย แต่คงไม่ใช่ 0.30 บาทต่อหุ้นแน่ๆ ยิ่งใกล้ซื้อขายแล้ว ฟ้าหลังฝนต้องสวยงามสิ จริงมั้ย ?? ”