งานนี้ยาวไป!!!“สันธนะ”รับนัด“ผบ.ตร.”บุกสตช.คลายข้อมูล“เจ๊ชุมพร”จ้างฆ่าผู้ใหญ่บัติ ลั่นไม่กลัว ชีวิตผ่านมาหมดแล้วทั้งห่ากระสุน-ดงระเบิด ???

จากกรณีพันตำรวจโทสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผกก.สันติบาล 2 ออกมาอ้างถึงการสังหารโหดฆ่ายกครัว8ศพของ นายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ โดยอ้างว่าสาเหตุมาจากเรื่องผลประโยชน์ มูลค่า 40-50 ล้านบาท ที่มีกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ว่าจ้างผู้หญิงคนหนึ่งที่รู้จักกันในนาม “เจ๊ ชุมพร” ด้วยค่าจ้าง 2 ล้านบาท และจ่ายล่วงหน้าแล้ว 1 ล้านบาทให้สังหารนายวรยุทธ ต่อมายังมีรายงานข่าวออกมาอีกว่า เจ๊ ชุมพร เป็นภรรยาคนหนึ่งของนายทุนเจ้าของโรงโม่หิน

 

         “ที่ตำรวจระบุ การฆ่าโหดเพราะเรื่องที่ดินที่มีการนำไปขายฝากไว้กับนายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือ บังฟัต นั้น เป็นเพียงประเด็นรองที่บังฟัตได้ประโยชน์จากการสังหารนายวรยุทธ ตนพร้อมเข้าให้ข้อมูลกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และชุดสืบสวน ซึ่งหากจะมีการเรียกผู้ที่มีข้อมูลเชิงลึกเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม ก็ต้องมีมาตรการคุ้มครองพยานที่ดี” พ.ต.ท.สันธนะ กล่าว

       ต่อมาพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร. ได้เดินทางมายังจังหวัดกระบี่เพื่อรับมอบตัวผู้ต้องหาทั้ง8คนจากเจ้าหน้าที่ทหารเพื่อไปขออาจศาลจังหวัดกระบี่ฝากขัง ผัดแรก เป็นระยะเวลา 12 วัน โดยคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีมีโทษสูงสุดประหารชีวิตเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ซึ่งผบ.ตร.ได้แถลงกรณีพ.ต.ท.สันธนะด้วยว่าจะให้ทางเจ้าหน้าที่เรียกมาให้ข้อมูลหลังจากออกมาอ้างว่าเจ๊ชุมพร เป็นผู้อยู่เบื้องหลังจ้างฆ่าผู้ใหญ่วรยุทธ 2ล้านบาท

 

       “เจ๊ชุมพรที่พ.ต.ท.สันธนะอ้างถึงนั่นก็คือนายนรินทร์ เก่งธนทรัพย์ เจ้าของโรงโม่หินตรังภูทอง จ.ตรัง แล้วยังไง มันก็แค่นั้น ซึ่งผมตรวจสอบแล้วไม่มีนายทุนหรือใครอยู่เบื้องหลังจ้างฆ่าตามที่พูดออกมา และหากมาให้ข้อมูลแล้วปรากฏว่าไม่มีความจริงพ.ต.ท.สันธนะ ก็อาจถูกผู้เสียหายฟ้องกลับ สำหรับตนนั้นไม่ให้ราคาอดีตตำรวจคนนี้อยู่แล้ว ก็เชิญให้มาข้อมูล”

       ล่าสุดวันนี้(22กค.) พ.ต.ท.สันธนะ ได้ส่งหนังสือแจ้งขอนัดหมายให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผ่านพ.ต.อ.กฤษณะ  พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสื่อมวลชนทุกสำนัก โดยมีเนื้อหาบางส่วนว่าชื่อ เจ๊ ชุมพรเป็นแค่นามสมมุติ ซึ่งหมายถึงบุคคลที่เป็นผู้หญิงมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดชุมพร เหตุที่ตนต้องปกปิดชื่อสกุลจริงไว้ก่อนเพื่อแจ้งกับเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบคดีดำเนินการขยายผลต่อ ดังนั้นจึงเข้าพบผบ.ตร.หรือ เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีนี้เพื่อระบุรายละเอียดข้อเท็จจริงในวันที่ 25 ก.ค.2560 เวลา 10.30 น.

 

       นอกจากนี้ อดีตรองผกก.สันติบาล 2 ยังกล่าวในเนื้อหาในบางส่วนอีกว่า การออกมาให้ข้อมูลดังกล่าวนี้ไม่ได้คาดหวังถึงผลประโยชน์ส่วนตน หรือตำแหน่งทางสังคมใดๆ ทางผบ.ตร.จึงควรให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเปิดกว้างรับฟังข้อมูลทางคดีจากตนโดยปราศจากอคติ ส่วนที่ห่วงที่ว่าการออกมาพูดครั้งนี้จะถูกฟ้องกลับนั้น เนื่องจากเสี้ยวชีวิตผ่านมาทั้งระเบิดและกระสุนมาแล้วจึงไม่ได้วิตกกังวลแต่อย่างใด และสุดท้ายขอแสดงกำลังใจให้ผบ.ตร.อยู่ในตำแหน่งจนครบวาระ