ตำรวจชายแดนน้อยใจ!! ผู้บังคับบัญชา โพตส์ตัดพ้อการทำงาน จนท.รัฐ นึกถึงแต่ผลงาน ไม่นึกถึงขวัญกำลังใจคนทำงานพื้นที่เสี่ยงเลย???

        จากกรณี มีผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่ง ชื่อว่า “Suriya Pankerd” ได้โพสต์ข้อความ เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2560 ที่ผ่านมา เวลา 20.45 น. โดยการแชร์เรื่องราวความน้อยเนื้อต่ำใจของตำรวจชายแดน ที่เดินทางไปทำงานที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และจำเป็นต้องพกพาอาวุธปืนเพื่อป้องกันตัว แต่มีเจ้าหน้าที่ตั้งด่านจับปืนที่ตำรวจพกติดตัวมาด้วย โดยแจ้งข้อหาขัดคำสั่ง คสช. รวมทั้งครอบครองปืนและพกพา โดยผู้โพสต์ระบุข้อความเชิงกล่าวหาการทำงานของฝ่ายปกครองและอาสา เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ในโลกออนไลน์กันอย่างต่อเนื่อง

ตำรวจชายแดนน้อยใจ!! ผู้บังคับบัญชา โพตส์ตัดพ้อการทำงาน จนท.รัฐ นึกถึงแต่ผลงาน ไม่นึกถึงขวัญกำลังใจคนทำงานพื้นที่เสี่ยงเลย???

 

        โดยมีตำรวจระดับสูงที่อ้างว่าเป็นผู้บังคับบัญชา ได้โพสต์ข้อความตัดพ้อ และฝากถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ดังกล่าว โดยระบุไว้ดังนี้...

“เป็นตำรวจ ปืนกับพระ อย่าห่างกาย “ ท่านขุนพันธ์ กล่าวไว้
คุณเป็นถึงปลัดระดับจังหวัด ตั้งโครงการสวยหรู ปราบปรามอาชญากรรม ยาเสพติด อาวุธปืนสงคราม
ระดมกำลังกวาดล้าง อลังการ ตั้งด่าน
ถ้าใช้กำลังขนาดนั้นตั้งด่าน โจรคงเดินมาให้จับง่ายๆ หรอกนะ
ผลก็คือ ปืนแก็ปสักกระบอก ยังจับไม่ได้ ยาบ้าสักเม็ด ก็จับไม่ได้
จับปืนโจรไม่ได้ ตำรวจลูกน้องผมขับรถผ่านมา จะเดินทางมาสามจังหวัดชายแดนใต้
เห็นปืนของทางราชการ เอ็มโฟร์ อยู่ในรถ
คงอารามดีใจ จับปืนโจร ไม่ได้ จับปืนตำรวจ ก็ยังดี
ตัดสินใจจับปืนตำรวจ บอกว่า พกพาเป็นอาวุธสงคราม
ถ้าลูกน้องผม เกเร พกปืนไปอาละวาด ไปค้ายา ไปก่อเหตุใด จะไม่ว่า สักคำ
แล้วพวกคุณรู้ใหม เส้นทางเสี่ยงกว่า จะเดินทางมาถึงโรงพักผม ต้องผ่านอะไรบ้าง
จาก อ.จะนะ เข้ามา ผ่านด่านหม้อแกง ที่เคยโดยคาร์บอมบ์ ผ่านหนองจิก ทุ่งยางแดง โคกโพธิ์ นาประดู่ ลำใหม่ ล้วนเส้นทางอันตราย ที่เคยโจมตีบนเส้นทาง โดยเฉพาะมาถึง บ้านเนียง ลูกน้องผมเกือบตาย ๓ ศพ จากการวางระเบิดรถยนต์
พวกคุณเห็นใจ ในความเสี่ยงอันตราย ตำรวจสามจังหวัดชายแดนพวกผมบ้างไหม
แล้วมันยิ่งเจ็บปวด เมื่อพวกคุณบอกว่า อาวุธปืนทางราชการ ให้พก ในสามจังหวัดได้เท่านั้น
แล้วเมื่อพวกผม พกปืนออกเดินทาง หรือออกทำงานสืบสวนหาข่าว นอกเส้นทางสามจังหวัด จะให้ผมฝากปืนยาวของทางราชการไว้ที่ปั้มน้ำมัน หรือไงครับ
ลูกน้อง อธิบาย ให้ฟัง เข้าในพื้นที่เสี่ยงในเวลากลางคืน ก็ไม่ฟัง อีกทั้งออกสืบสวนหาข่าวพวกก่อการร้าย ที่อาจหลบหนี ไปอยู่กับเครือญาติ ที่ชุมชนมุสลิม ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ใกล้เคียง ก็ไม่ฟัง
ขนาด ระดับ รอง ผบก. ฯ มาอธิบายข้อกฎหมายให้ฟัง ว่า มันปฎิบัติหน้าที่ เขาอยู่ในพื้นที่เสี่ยงอันตราย มีเหตุอันควรที่จะพกปืน พวกคุณก็ไม่ฟัง...
พวกคุณจะจับอย่างเดียว ...........
จับปืนทางราชการ ได้ประโยชน์อันใด แก่สังคม
คุณคงจะไปรายงานผลการตั้งด่านทั้งคืน จับกุมอาวุธปืนสงครามได้ ๑ กระบอก
พวกคุณไม่ละอายแก่ใจกันบ้างหรือครับ ที่ทำงานกันแบบนี้
พวกคุณรู้ไหม ลูกน้องผมเจ็บปวดขนาดไหน เป็นตำรวจแค่ ๒ ปี ประวัติไม่เคยด่างพร้อย
ร่วมกันเสี่ยงตาย จับโจรก่อการร้าย จับพวกยาเสพติด จับคดีอาญาอื่นๆ ไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ คน
ต่อไปนี้ ปืนพกส่วนตัว พวกท่านก็ยึดไป ปืนทางราชการพวกท่านก็ยึดไป
ลูกน้องผมเหลือแต่สองมือเปล่า ที่จะไปจับโจร.....
มันเจ็บปวดครับ ที่บ้านเมือง มีคนระดับนักปกครอง ทำงานได้แบบนี้ มีวิสัยทัศน์ได้แค่นี้
หวังแค่มีผลงานตั้งด่าน แล้ว จับได้ โดยไม่คิดถึงข้อกฎหมาย
ผลกระทบ ขวัญกำลังใจของคนทำงานพื้นที่เสี่ยง
แชร์ได้ครับ
ไม่ผิดกฎหมาย ไม่เป็นการระบุตัวบุคคล เป็นการติชมการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยความสุจริตใจ เพื่อให้ทำงานให้ดีขึ้น ตามวิสัยของประชาชน ที่จะกระทำได้

        อย่างไรก็ตาม นายตำรวจระดับสูงที่อ้างว่าเป็นผู้บังคับบัญชา ยังกล่าวอีกว่า ลูกน้องของตนเป็นตำรวจมา 2 ปี ร่วมกันเสี่ยงตาย ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย จับโจรก่อการร้าย จับพวกยาเสพติด จับคดีอาญาอื่นๆ แต่พวกท่านก็ยึดปืนไป ลูกน้องผมเหลือแต่สองมือเปล่า ที่จะไปจับโจร มันเจ็บปวดครับ ที่บ้านเมือง มีคนระดับนักปกครอง ทำงานได้แบบนี้ มีวิสัยทัศน์ได้แค่นี้ หวังแค่มีผลงาน ไม่นึกถึงขวัญกำลังใจของคนทำงานพื้นที่เสี่ยงเลย

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Suriya Pankerd