- 24 ก.ค. 2560
ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th
จากกรณีนายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี(พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยมีข้อมูลว่าขณะนี้ได้มีการขายที่ดินจำนวน15ไร่ให้กับประเทศสหรัฐอเมริกาที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อนำไปสร้างหน่วยปราบยาเสพติดและกองบัญชาการทางอากาศ ซึ่งเนื้อหาทั้งหมดระบุว่า
“เรื่องที่คนทุกสีถ้ามีใจรักชาติ ย่อมสามารถสมานฉันท์ได้ทันที
ผลงานชั้นเยี่ยมของใคร??
ตกลงขายแผ่นดินเชียงใหม่15ไร่ให้มะกันอย่างเงียบเชียบ!!!
เรื่องแบบนี้ประเทศไหนก็ไม่ทำ
แต่ไทยทำ
1 เพื่อไม่ให้มีปัญหาวันหน้าต้องขออนุมัติรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญก่อน รีบทำซะจะได้ไม่ติดคุกในวันหน้า
2 ขายเพื่อให้มะกันทำนโยบายบูรณาการภายใต้หลังคาเดียว ไม่ต้องงงนะ หมายความว่าทำอะไรได้ทุกอย่างแค่ทำในชื่อสถานกงสุล
3 ตอนนี้บอกว่าจะทำ2อย่างคือ ตั้งหน่วยปราบยาเสพติดและกองบัญชาการทางอากาศ (คงใช้สนามบินอุดรที่สิงค์โปรเช่า-ไม่ใช่หน้าที่สถานกงสุลปกติ แต่สถานกงสุลในประเทศเมืองขึ้นสามารถทำได้) ต่อไปจะมีอะไรอีกต้องคอยติดตาม
4 ทำแบบนี้คงเป็นที่ชอบใจของจีน รัสเซีย อินเดีย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม อาจรวมทั้งอิหร่าน เกาหลีเหนือขนาดไหน
5 ต่อไปนี้ไทยก็จะเป็นเป้าการเล็งขีปนาวุธจากหลายประเทศเช่นเดียวกับเกาหลีใต้
6 ครม. มีอำนาจอนุมัติขายแผ่นดินไหม หรือว่าเป็นอำนาจของรัฐสภา ทบทวนดูดีๆ”
ทั้งนี้สำนักข่าวทีนิวส์ได้ตรวจสอบถึงข้อมูลข้อเท็จจริงก็พบว่าที่จังหวัดเชียงใหม่มีสถานกงสุลใหญ่ของสหรัฐฯตั้งทำการอยู่ โดยการเข้าไปดูที่เว็บไซต์ https://th.usembassy.gov/th/embassy-consulate-th/chiang-mai-th/ ก็พบข้อมูลซึ่งให้รายละเอียดเกี่ยวกับสถานกงสุลดังนี้
สถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาในเชียงใหม่เป็นหน่วยงานกงสุลแห่งเดียวของสหรัฐฯ ที่อยู่นอกเขตกรุงเทพมหานคร สถานกงสุลได้ถูกก่อตั้งขึ้นในเชียงใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2493 และได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นสถานกงสุลใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2529 ซึ่งนอกจากจะมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯประจำการอยู่แล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปราบปรามยาเสพติดและศูนย์ Technical Application Center ของกองทัพอากาศสหรัฐฯทำงานเกี่ยวเนื่องกับสถานกงสุลใหญ่อยู่ด้วย ในจังหวัดเชียงรายก็จะมีสำนักงานย่อยของศูนย์ควบคุมโรคติดต่อ และยังมีอาสาสมัคร Peace Corps ประมาณ 12 คนที่ทำงานในโครงการต่างๆ ทั่วภาคเหนือ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เกี่ยวกับการศึกษา
ขอบเขตการบริการ: ขอบเขตการดูแลของสถานกงสุลใหญ่ในเชียงใหม่ครอบคลุม 15 จังหวัด อันได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย กำแพงเพชร ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน เพชรบูรณ์ พะเยา พิจิตร พิษณุโลก แพร่ สุโขทัย ตาก และอุตรดิตถ์
ชาวอเมริกันอื่นๆ: ชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในภาคเหนือของไทยมีจำนวนหลายพันคน สถานกงสุลได้แนะนำให้พลเมืองสหรัฐฯ ที่พำนักในไทยตลอดจนผู้ที่มาเยือนประเทศไทยระยะยาวขึ้นทะเบียนไว้กับสถานกงสุลที่ https://step.state.gov/step/ ชุมชนของชาวอเมริกันในจังหวัดเชียงใหม่เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2410 ซึ่งในช่วงนั้น นักสอนศาสนา แพทย์และครูชาวอเมริกันได้ริเริ่มก่อตั้งสถาบันการแพทย์และการศึกษาในภาคเหนือ ปัจจุบัน สถาบันเหล่านั้นคือ โรงพยาบาลแมคคอร์มิค สถาบันแมคเคนเพื่อการฟื้นฟูสภาพ (เดิมคือนิคมโรคเรื้อน) โรงเรียนปรินส์รอแยลล์วิทยาลัย โรงเรียนดาราวิทยาลัย คณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยพายัพ
นักการทูตอื่นๆ: ในเชียงใหม่ยังมีสถานกงสุลอื่นๆอันได้แก่ สถานกงสุลใหญ่จีน สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น และสถานกงสุลอินเดีย และมีเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ของประเทศฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนี แคนาดา ออสเตรีย ฟินแลนด์ แอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย เปรู บังคลาเทศ สวีเดน และอิตาลี ส่วนกงสุลกิตติมศักดิ์ของเบลเยียมพำนักอยู่ในจังหวัดลำปาง
ภารกิจหลัก: นอกจากให้บริการแก่บุคคลสัญชาติอเมริกันและพิจารณาอนุมัติวีซ่าชั่วคราวแล้ว สถานกงสุลใหญ่ในเชียงใหม่ยังดำเนินงานอื่นๆเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางการศึกษาและวัฒนธรรม ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม และความการให้ความร่วมมือในการปราบปรามการค้ามนุษย์ รัฐบาลสหรัฐฯ ให้การส่งเสริมโครงการต่างๆ ของรัฐบาลไทยอย่างต่อเนื่องในการยุติการปลูกฝิ่นและส่งเสริมให้เกษตรกรที่ปลูกฝิ่นหันไปปลูกพืชอื่นแทน นอกจากนี้ สถานกงสุลใหญ่ยังติดตามสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-พม่า ซึ่งรวมถึงความเป็นอยู่ของบุคคลพลัดถิ่นจากพม่าจำนวนกว่า 150,000 คน และส่งเสริมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาทิ การสนับสนุนให้ที่บริษัทสัญชาติสหรัฐฯ มีส่วนร่วมในภาคเศรษฐกิจบริเวณอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง อีกทั้งหน่วยทหารอากาศสหรัฐฯ ยังเฝ้าตรวจจับความสั่นสะเทือนใต้พิภพร่วมกับทางกองทัพเรือของไทยอีกด้วย