ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในอีก 1-2 สัปดาห์นี้ กระทรวงการคลัง จะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณามาตรการสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยในรอบแรก งบประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ได้แก่ ช่วยเหลือค่าน้ำประปา ค่าไฟ รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี ซื้อสินค้าผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นสวัสดิการช่วยเหลือในสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของผู้มีรายได้น้อย

ส่วนมาตรการที่เพิ่มเติมในรอบสองเช่น การจ่ายเงินภาษีให้คนจน (Negative Income Tax:NIT) ให้กับผู้มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปี จำนวน 3-4 ล้านคน ต้องรอผลการตรวจสอบสิทธิ์ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยว่ามีจำนวนที่แท้จริงเท่าไร และผลการสำรวจของนักศึกษาว่าผู้มีรายได้น้อยต้องการให้รัฐบาลช่วยในเรื่องใดบ้าง ซึ่งการช่วยเหลือต้องดูถึงความจำเป็นในชีวิตประจำวันเป็นหลัก

“จะเตรียมบัตรสวัสดิการไว้ให้ผู้ที่มีสิทธิ์ และจะใส่วงเงินไว้ให้ เช่น หลักพันบาทต่อเดือน เพื่อนำไปใช้จ่าย และจะพิจารณาให้สวัสดิการเพิ่มเติมภายหลัง หลังจากตรวจสอบสิทธิ์ และสำรวจเสร็จสิ้นแล้วในปีนี้”

นายสมชัย กล่าวว่า กระทรวงการคลังยังเร่งดำเนินการเพื่อให้ผู้มีรายได้น้อย มีรายได้เพิ่มขึ้น เพียงพอต่อการดำรงชีพ จะได้ไม่ก่อหนี้นอกระบบ โดยในจำนวนของผู้ที่มาลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย 14.1 ล้านคน พบว่ามีหนี้นอกระบบอยู่ 1.3 ล้านคน มูลหนี้รวมดอกเบี้ย 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่กระตุ้นการแก้ไขปัญหาเป็นรายจังหวัดทั่วประเทศ และจะดำเนินการให้สำเร็จในสิ้นปีนี้ให้หนี้นอกระบบเป็นศูนย์ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี

สำหรับผู้ที่มีหนี้นอกระบบสามารถเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ได้ โดยเริ่มจากการไกล่เกลี่ยหนี้ระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ และจัดหารายได้เสริม ฟื้นฟูอาชีพ เพิ่มรายได้ให้ผู้ที่มีหนี้นอกระบบ รวมทั้งยังสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอื่นๆ เช่น สินเชื่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน และพิโกไฟแนนซ์

นอกจากนี้ยังได้สั่งให้คณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัด(คบจ.)ประกอบด้วยหน่วยงานของกระทรวงการคลัง เช่น กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต คลังจังหวัด ธนารักษ์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด หาชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกจังหวัดทั่วประเทศ เช่น เปิดพื้นที่ขายของฟรีจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อให้พ่อค้า แม่ค้า ขายสิ้นค้าเพิ่มรายได้ให้ตนเอง

ขณะเดียวกัน ยังมีแนวคิดที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยพัฒนาสุขอนามัยของสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละแห่งให้สะอาด และเพิ่มศักยภาพของคนในจังหวัดให้มีความรู้ภาษาอังกฤษ หรือ สร้างเป็น Smart City ซึ่งทั้งหมดจะเป็นงบประมาณของแต่ละท้องถิ่นเอง ไม่ได้ของบประมาณเพิ่มจึงไม่จำเป็นต้องเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา