ด่วน!!! สมชายบิ๊กจิ๋วพัชรวาทสุชาติรอดหมด!?! ศาลพิพากษายกฟ้องคดีสลายพันธมิตรฯชี้ไม่มีเจตนาทำร้ายม็อบ???

จากกรณีเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 ได้แถลงปิดคดีด้วยวาจา คดีสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ พธม.โดยอ้างอิงถึงความจำเป็นที่ต้องแถลงนโยบายที่รัฐสภา หลังได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถูกผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ขัดขวาง และเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งภายหลังจากที่นายสมชาย แถลงปิดคดีแล้ว ทางศาลฎีกาฯได้นัดให้จำเลยที่ 2 ถึง 4 ส่งเอกสารคำแถลงปิดคดีภายในวันที่ 20 ก.ค.นี้พร้อมนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 2 ส.ค.

       ทั้งนี้คดีดังกล่าวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 ถึง 4 ในคดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ปี 2542 ประกอบด้วย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยที่1 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี จำเลยที่2  พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่3 และพล.ต.ท. สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จำเลยที่4

      

       โดยตามฐานความผิดในข้อกล่าวหาดังกล่าวมาจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ปี 2551 ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คนและมีผู้บาดเจ็บ รวม 471 คน และที่ผ่านมานายสมชาย ได้ใช้สิทธิ์แถลงปิดคดีด้วยวาจา เพียงคนเดียว ขณะที่จำเลยอีก 3 คน ได้ส่งคำแถลงปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมซึ่งที่ผ่านมาโจทก์ส่งบัญชีรายชื่อพยานบุคคล 66 ปาก และจำเลยส่ง 954 ปาก แต่ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้นัดตรวจพยานรวม 5 ครั้ง ให้คงเบิกความพยานฝ่ายโจทก์ 28 ปาก ขณะที่ฝ่ายจำเลย 106 ปาก และกำหนดไต่สวนนัดแรกเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2559 ก่อนจะสิ้นสุดนัดสุดท้ายเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2560 จากนั้นก็นัดฟังคำพิพากษาในวันนี้(2ส.ค.) อย่างไรก็ตามศาลได้พิจารณาแล้วมีคำสั่งพิพากษาออกมาว่าให้ยกฟ้องจำเลยต้อง4คนเพราะไม่มีเจตนทำร้ายผู้

       สำหรับเหตุการณ์สลายการชุมนุมดังกล่าวเนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งได้เดินทางกันมาปักหลักเพื่อขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล  จากนั้นเมื่อนายสมัครต้องพ้นจากตำแหน่งตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จากกรณีจัดรายการ "ชิมไปบ่นไป"  ต่อมาทางพรรคพลังประชาชนในขณะนั้นได้เสนอชื่อ นายสมชาย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเป็นที่ทราบกันดีว่านายสมชาย (สามีนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์) เป็นน้องเขยของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

       ทั้งนี้ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯที่ยังชุมนุมอยู่ไม่ยอมรับ แต่เมื่อนายสมชาย ต้องเข้าไปแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อนทำหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัตินั้น กลุ่มพันธมิตรฯจึงได้เคลื่อนพลจากทำเนียบรัฐบาลมายังอาคารรัฐสภา โดยหวังไม่ให้การแถลงนโยบายเกิดขึ้นได้ จากนั้นจึงได้เกิดการสลายการชุมนุมขึ้นเพื่อเปิดทางให้ นายสมชาย และสมาชิกรัฐสภาสามารถเดินทางเข้าไปในอาคารรัฐสภาเพื่อทำหน้าที่ได้ อย่างไรก็ตามคดีนี้เป็นที่น่าจับตาเพราะมีอดีตนายกรัฐมนตรีถูกกล่าวหาถึงสองคน รวมทั้งจำเลยอย่าง พล.ต.อ.พัชรวาท ก็มีความน่าสนใจตรงที่ว่าอดีตนายตำรวจคนนี้เป็นน้องชายแท้ๆของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลปัจจุบันด้วย