อ้างบริสุทธิ์-แต่ใยจึงร้อนรนนัก?! "เต้น"โวยสอบขนคนเชียร์ปู-สตง.ชงให้รบ.ตบ แถมอ้างแบบคิดว่าคนไทยโง่ "พิจารณาด้วยเหตุผลเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้"?

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 

อ้างตัวบริสุทธิ์-แต่ใยจึงร้อนรนนัก?! "เต้น" โวยสอบขนคนเชียร์ปู-สตง.ชงเรื่องให้รัฐบาลตบ แถมอ้างแบบกำปั้นทุบดิน "ถ้าพิจารณาด้วยเหตุผลเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเรื่องแบบนี้" (หมายถึงกรณี อปท.เอาเงินหลวงมาขนคนเชียร์ยิ่งลักษณ์ ตามที่ สตง.กำลังสอบสวน...แกะจากคำพูดของ นายณัฐวุฒิ-ผู้เรียบเรียง) แถมระบุอาทิตย์หน้าจะเดินทางไป ป.ป.ช. เพื่อเรียกร้องให้พิจารณาคดีสลายการชุมนุมเสื้อแดงปี 53 ใหม่

 

วันนี้ (12 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำหนังสือถึงกระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย ให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่อาจนำไปใช้ผิดประเภท โดยเฉพาะการใช้จ่ายเพื่อขนมวลชนมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันแถลงปิดคดีในโครงการรับจำนำข้าวเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา และเป็นข่าวต่อเนื่องมา 2-3 วันแล้วนั้น

 

ล่าสุดต่อกรณีนี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ออกมากล่าววานนี้ว่า มีข้อสังเกตที่น่าสนใจในสถานการณ์ก่อนวันที่ 25 ส.ค.เพราะขณะที่ตัวจำเลยคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ดูสงบนิ่งเยือกเย็น แต่ฝ่ายผู้มีอำนาจมีการแจ้งดำเนินคดีกับผู้แสดงความคิดเห็น ปิดสถานีโทรทัศน์พีซทีวี หรือกระทั่งจะตรวจสอบ อปท.อ้างว่ามีความเคลื่อนไหวใช้งบประมาณขนคนมาให้กำลังใจจำเลย ทั้งๆ ที่ถ้าพิจารณาด้วยเหตุผลนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเรื่องแบบนี้ มีคนสงสัยว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ สตง.ชงให้รัฐบาลตบ เพื่อกดดันผู้นำท้องถิ่นมากกว่า


 

"แม้กระทั่งการลงพื้นที่มอบทุนช่วยเหลือโรงเรียนที่ประสบภัยน้ำท่วมในภาคอีสานของแกนนำ นปช.ระหว่างวันที่ 12 - 13 ส.ค.ก็ถูกจับตามองจากฝ่ายความมั่นคง มีการเชิญตัวแทนของเราเข้าพบ ซึ่งได้ชี้แจงที่มาและรายละเอียดกิจกรรมอย่างชัดเจน และแสดงหลักฐานการดำเนินการแบบเดียวกันในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งนี้ จะมีเจ้าหน้าที่เข้าสังเกตการณ์ในทุกจุดที่มีการมอบทุนช่วยเหลือ ซึ่งตนตอบไปแล้วว่าไม่ขัดข้อง แต่แปลกใจอยู่บ้างว่า กลุ่มอื่นๆ เช่นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ลงไปในพื้นที่นั้นมีแนวปฏิบัติแบบเดียวกันหรือไม่" นายณัฐวุฒิ ระบุ


นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนการเรียกร้องให้ ป.ป.ช. พิจารณาคดีสลายการชุมนุมของเสื้อแดงช่วงปี 2553 ใหม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมและเรียบเรียงข้อมูลทั้งเก่าและใหม่ให้สมบูรณ์ ซึ่งจะเดินทางไป ป.ป.ช.ในสัปดาห์หน้า

 

 อย่างไรก็ตาม สำหรับการตรวจสอบการใช้งบขนคนไปเชียร์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ของอปท. นั้น วานนี้ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ออกมาเปิดเผยเองว่า เป็นข้อมูลที่ได้มาจากญาติของบุคคลที่ถูกนำไปที่หน้าศาล โดยกลุ่มคนที่พามาอ้างว่า จะพามาทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่กลับกลายเป็นการพาไป ให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เบื้องต้นพบมีหลายจังหวัด แต่ยังไม่เปิดเผยว่าเป็นพื้นที่ใด และได้มีการแจ้งเตือนไปแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีกในวันพิพากษาคดีในวันที่ 25 ส.ค.นี้ ส่วนที่เกิดขึ้นแล้ว สตง. จะตรวจสอบเพื่อเรียกเงินงบประมาณที่ใช้ไปคืน รวมทั้งจะดำเนินคดีทางอาญาด้วย

 

ขณะที่ทาง นายทวี สิงสารท หนึ่งในเจ้าของรถตู้ 21 รายที่โดนออกหมายเรียกในกรณีดังกล่าว ได้เปิดเผยกับทีมข่าว Tnews วันเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาสัปดาห์ก่อนว่า ตนเป็นเจ้าของรถตู้มาในวันนี้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ พร้อมยืนยันว่า รถของตนเองนั้นเป็นรถไม่ประจำทางสามารถวิ่งได้ทั่วราชอาณาจักรโดยไม่ต้องขออนุญาต

 

"แต่ในวันเกิดเหตุตนเองไม่ได้เป็นคนขับพาผู้โดยสารมา มีคนแถวบ้านที่บุรีรัมย์มาขอเช่าราคา 6,000 บาท รวมค่าน้ำมัน พาคนมาประมาณ 11-12 คน บอกว่ามากราบพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยเหมามาวันที่ 31 ก.ค.เดินทางถึงกรุงเทพฯวัน ที่1 ส.ค.จากนั้นเมื่อเดินทางกลับไปก็ถึงบุรีรัมย์ราว 6 โมงเย็น ตนถามว่าไปไหนบ้าง เขาก็บอกไปกราบพระบรมศพ และได้พาผู้โดยสารทั้งหมดเดินทางมาต่อที่ศูนย์ราชการ มาดูคุณยิ่งลักษณ์"   นายทวี  กล่าว (ขออภัยที่ต้องเอ่ยนาม)

 

นอกจากนี้...ยังมีรายงานข่าวที่เชื่อถือได้ยืนยันว่า เจ้าของรถตู้โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคเหนือ เช่น จ.ลำปาง ได้ขอคืนเงินมัดจำให้แก่กลุ่มคนเสื้อแดง หลังไปรับงาน และรับเงินมัดจำเพื่อนำมวลชนมาเชียร์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ ไปแล้วบางส่วน ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่รถตู้จำนวน 21 คัน ที่คนขนมาเชียร์ "หญิงปู" เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น  ถูกตำรวจทุ่งสองห้อง แจ้งข้อหาโทษหนัก ใช้รถนอกเส้นทาง และใช้รถผิดประเภท โดยไม่ได้รับอนุญาต มีอัตราโทษค่อนข้างสูงบางรายอาจถึง 50,000 บาท ทำให้เป็นที่โจษจันในกลุ่มผู้ประกอบการรถตู้ และยอมคืนเงินมัดจำคนเสื้อแดงดังกล่าว

 

...นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นจริง และสังคมรับรู้กันอย่างกว้างขวางไปแล้ว ทว่าข้อเท็จจริงเหล่านั้นกลับดูจะสวนทางกับคำพูดของ  นายณัฐวุฒิ ที่พยายามจะบิดเบือนว่า "ถ้าพิจารณาด้วยเหตุผลเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเรื่องแบบนี้" แบบหนังคนละม้วนเลยทีเดียว