“อย่ามายุ่งกับในหลวงของผม” ย้อนวาทะ“บิ๊กแดง”พูดใส่หน้าจักรภพแก๊งล้มเจ้า-ฟังแล้วถึงกับอึ้ง!?! ตอกย้ำทหารของพระราชาผู้ค้ำราชบัลลังก์?!?

จากกรณีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกประชุมคณะกรรมการปรับย้าย ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ปี 2551 โดยคณะกรรมการทั้ง 7 คนประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผบ.ทสส. พล.อ.เฉลิมชัย ผบ.ทบ. พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. และพล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ. โดยมีรายงานว่าในที่ประชุมมีมติให้ “บิ๊กแดง” พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่1 ขยับขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เพราะด้วยบทบาทและผลงาน ซึ่งบิ๊กแดงจะมีอายุราชการถึงต.ค. 2563 และก็คาดหมายกันว่านี่คือเต็งหนึ่งถึงเก้าอี้ ผบ.ทบ. ในปี 2561

       ทั้งนี้บทบาทและผลงานของพลโทอภิรัชต์ มีความโดดเด่นตลอดมาหลายปี ไม่ว่าการออกมาปกป้องผู้บังคับบัญชา การเดินหน้าชนกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภารกิจปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเห็นได้จากการกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตน และไม่เพียงคำกล่าวเท่านั้น หากแต่นายทหารรักษาพระองค์ผู้นี้ได้พูดจริงทำจริง ถึงขนาดกับที่มีเรื่องเล่ากันว่าเมื่อครั้งที่นายจักรภพ เพ็ญแข สมัยเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯเดินทางไปเปิดงานที่ราบ11 ซึ่งได้เจอกับคำพูดที่ว่า “ ท่านรัฐมนตรีผมขอพูดดี ๆครั้งสุดท้ายนะครับ..อย่ายุ่งกับในหลวงของผม” มีการเล่าต่อมากันว่าเป็นคำพูดของ บิ๊กแดงในขณะเจอนายจักรภพ ที่เจอกันในค่ายทหารแห่งนั้น โดยกล่าวกันว่าเจ้าตัวถึงกับอึ้งได้แต่มองหน้าแต่ไม่ตอบโต้ใดๆ แต่ได้นำไปโจมตีกับเวทีคนเสื้อแดงขณะที่ถูกกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง

       ต่อมานายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช  ก็ได้แถลงที่ทำเนียบรัฐบาล กรณีคณะกรรมการสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีมติเบื้องต้นว่าตัวเขาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีพฤติกรรมความผิด ตามกฎหมายอาญามาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินีรัชทายาท หรือ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางจำคุก 3-15 ปี จากการที่นายจักรภพ ได้ไปบรรยายต่อหน้าผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (FCCT) ก่อนที่นายจักรภพ จะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มนปช.ในปี2552 ที่เรียกกันว่า สงกรานต์เลือด และหลังการชุมนุมยุติลงที่ทำเนียบรัฐบาล แกนนำได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งมีการออกหมายจับซึ่งนายจักรภพ เป็น1ในแกนนำที่ถูกออกหมายจับ จากนั้นจึงได้หลบหนีออกนอกประเทศ

       อย่างไรก็ตามสำหรับพลโท อภิรัชต์ ซึ่งปัจจุบันเป็นแม่ทัพภาคที่1 ก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆคือ ฝ่ายเสนาธิการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) และรองเสนาธิการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (รองเสธ.ร.11 รอ.), ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 พัน 2 รอ.) ก่อนติดยศพันเอก (พ.อ.) ในตำแหน่งเสนาธิการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (เสธ.ร.11 รอ.) และเคยเป็นผู้นำทหารในสังกัดกองทัพบกหลายคน หลายเหล่า แถลงข่าวตำหนิพฤติกรรมของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ซึ่งถือว่าเป็นนายทหารรุ่นพี่และเป็นอาจารย์มาก่อนที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ที่ออกมากล่าววิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก  และในต้นปีพ.ศ. 2551 พ.อ.อภิรัชต์ เป็นผู้ที่เข้าไปกระซิบกับนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลที่มีนายสมัคร สุนทรเวช ให้หยุดพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันจนเป็นที่กล่าวขานเล่าต่อกันมา