- 16 ส.ค. 2560
ติดตามข่าวเพิ่มเติม www.tnews.co.th
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 60 ที่ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าภาคเหนือที่ 3 บ้านวังกระบาก นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมนายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า และหัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ลงพื้นที่ร่วมกับ กอ.รมน.ฝ่ายทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานต่าง ๆที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามการปฏิบัติงานเชิงรุกในการบังคับใช้กฎหมายและการควบคุมการกรีดยางพาราต่อกลุ่มนายทุนที่บุกรุกพื้นที่ปลูกยางพาราในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขากระยาง ต.บ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ไปพร้อมกับการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับชุมชนถึงมาตรการดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามคำสั่ง คสช. ที่ 64/2557 และ 66/2557 รวมทั้งแผนปฏิบัติการศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายใต้การนำของ พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทส.
นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า กรมป่าไม้ลงพื้นที่ปฏิบัติการเชิงรุกในการบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มนายทุนที่บุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อปลูกยางพาราในเขตป่าสงวนแห่งชาติมาตั้งแต่ปี 2558 จากการตรวจสอบพบว่า ในภาคเหนือมีพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ถึง 32,450,386 ไร่ ถูกบุกรุกเพื่อปลูกยางพาราจำนวน 696,674 ไร่ โดยเฉพาะในจังหวัดพิษณุโลกนั้นแม้จะมีพื้นที่ป่าจำนวน 1,356,493 ไร่ ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่าอีกหลายจังหวัดในภูมิภาคเดียวกัน แต่กลับถูกบุกรุกเพื่อปลูกยางพาราถึง 158,615 ไร่
เมื่อเรานำพื้นที่การปลูกยางพารามาคิดเปรียบเทียบกับสัดส่วนของพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่มีอยู่จะพบว่า พื้นที่ป่าในจังหวัดพิษณุโลกถูกบุกรุกเพื่อปลูกยางพาราในอัตราสูงที่สุดในภาคเหนือถึงร้อยละ 11.7 โดยคาดว่าเป็นการบุกรุกของกลุ่มนายทุนไม่ต่ำกว่า 30,000 ไร่ ทั้งนี้ ได้ดำเนินการตรวจยึดดำเนินคดีแล้วจำนวน 23,173 ไร่ และได้ดำเนินการรื้อถอนตามมาตรา 25 แล้วจำนวน 4,394 ไร่ รวมทั้งดำเนินการปลูกฟื้นฟูป่าในพื้นที่ตัดฟันแล้วจำนวน 3,109 ไร่ สำหรับแปลงที่เข้าดำเนินการในครั้งนี้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขากระยาง ท้องที่บ้านเกษตรสุข ม. 5 ต.บ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นแปลงของกลุ่มนายทุนที่ได้ดำเนินการตรวจยึดไว้เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2560 เนื้อที่จำนวน 113 ไร่
อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า พื้นที่ที่ได้ดำเนินการตรวจยึดไว้นั้น นอกจากที่กรมป่าไม้จะเร่งดำเนินการตามมาตรา 25 และปลูกต้นไม้เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศน์แล้วยังกำหนดมาตรการเชิงรุกในการควบคุมการกรีดยางพาราและการผลิตน้ำยางของกลุ่มนายทุนในเขตป่าสงวนแห่งชาติอีกด้วย เพื่อปกป้องพื้นที่ป่าไม่ให้ถูกทำลายซ้ำอีก ผมขอยืนยันว่านโยบายการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลจะใช้ดำเนินการกับกลุ่มนายทุนเท่านั้น ส่วนประชาชนผู้ยากไร้ที่ไร้ที่ทำกิน รัฐบาลมีนโยบาลการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ซึ่งขณะนี้มีเป้าหมายที่จะจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) กว่า 700,000ไร่ ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ได้ดำเนินการปลูกพื้นฟูในพื้นที่ดังกล่าวไปแล้วจำนวน 1,150 ไร่ ซึ่งขณะนี้ต้นไม้ที่ปลูกไว้ได้เจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ระบบนิเวศน์โดยรอบกลับมาฟื้นคืนความสมบูรณ์อีกครั้ง และกรมป่าไม้มีการปลูกป่าประชารัฐในพื้นที่ที่ดำเนินการ เพื่อฟื้นฟูป่าให้กลับมาสมบูรณ์ โดยกรมป่าไม้ได้นำร่องปลูกป่าไปแล้ว 17 จังหวัดภายใต้โครงการประชารัฐร่วมใจปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน โดยตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่ป่ากว่า 2.5 หมื่นไร่ ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันปลูกต้นไม้ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทร
มหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ประเทศ โดยสามารถติดต่อขอรับกล้าไม้ได้ ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 15 กันยายน 2560 ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ติดต่อขอรับกล้าไม้ได้ที่กรมป่าไม้ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ต่างจังหวัด ติดต่อขอรับได้ที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ และสถานีเพาะชำกล้าไม้ทั่วประเทศ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 02-561-4292-3 ต่อ 5551 ส่วนเพาะชำกล้าไม้ สำนักส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้