กางแผนรับวันพิพากษา!!!ตำรวจขึ้นจุดสูงข่มศาลฏีกา เข้มความปลอดภัยสูงสุดผู้พิพากษา ทหารเตรียมพร้อมออกมาเสริมกำลัง กั้นเขตอำนาจศาลห้ามละเมิด???

จากกรณีพล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบงานความมั่นคง ได้เปิดเผยหลังประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร กรณีศาลอ่านคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค. โดยจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 17 กองร้อย หรือ 2,550 นาย ส่วนรถตู้ หรือรถที่ใช้ขนส่งมวลชนมาที่ศาลฎีกานั้น สามารถมาให้กำลังใจได้ไม่มีความผิดทางกฎหมาย แต่ถ้าเป็นการเกณฑ์กันมา และมีการยั่วยุหรือยุยงต่างๆ จะถือว่ามีความผิด

       “เบื้องต้นที่ประเมินไว้ น่าจะมากกว่าวันที่มีการแถลงปิดคดีจำนำข้าว ทั้งนี้ศาลได้ให้แนวนโยบายจะกำหนดเขตอำนาจศาล ไปจนถึงปากทางเข้าศาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเอาแผงเหล็กมากั้น เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่าบริเวณที่ถูกกั้นไว้เป็นเขตพื้นที่อำนาจศาล การจะเข้าจะออกก็มีกฎหมายรองรับ ขอให้ประชาชนระมัดระวังในการปฏิบัติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่ บุคคล มวลชน องคณะผู้พิพากษา เจ้าหน้าที่ศาล จึงฝากไปยังประชาชนที่จะมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าจะมีการตรวจค้นอาวุธ มีจุดตรวจค้นจำนวน 3 จุด พื้นที่อาจจะแคบลง จึงไม่อยากให้ประชาชนมาฟังคำพิพากษาที่ศาลฎีกา ให้ฟังอยู่ที่บ้านดีกว่า ทราบว่ามีเจตนาดีที่จะมาให้กำลังใจ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่รักษาความปลอดภัย จึงไม่อยากให้มีการกระทบกระทั่งกัน”

       ล่าสุดวันนี้ (18ส.ค.) พลตำรวจตรีภาณุรัตน์ ได้ออกมาเปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมในวันที่ 25 สิงหาคมอีกครั้งว่า จากการพูดคุยประชุมกันนั้นทางตัวแทนศาลฏีกาได้ร้องขอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำแผงเหล็กมากั้นเพื่อจัดแบ่งบริเวณให้รู้อย่างแน่ชัดว่าตรงไหนเป็นเขตอำนาจศาล ซึ่งทางศาลจะทำป้ายติดไว้ให้ โดยห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาบริเวณดังกล่าวเพราะอาจมีความผิดละเมิดศาลได้ ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลัง17กองร้อย เพื่อดูแลประชาชนที่เดินทางมาให้เกิดความสงบเรียบร้อย อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ได้ประชุมมีแผนรองรับไว้แล้วสำหรับความปลอดภัยของผู้พิพากษาซึ่งต้องมีความปลอดภัยสูงสุด

 

       นอกจากนี้จากการประชุมนั้นทางกองทัพบกได้ร่วมด้วยโดยได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ทหารไว้เตรียมพร้อมหากมีความจำเป็นในการเสริมกำลังช่วยตำรวจ ซึ่งทหารส่วนหนึ่งจะอยู่ในศูนย์ที่ตำรวจตั้งขึ้น และอีกส่วนหนึ่งจะรออยู่หากมีความจำเป็นเคลื่อนเข้ามา อย่างไรก็ตามในแผนปฏิบัติการณ์ยังได้จัดจุดสูงข่มเอาไว้ด้วย ส่วนจะตั้งอยู่จุดไหนบ้างนั้นตนไม่สามารถบอกได้เพราะเป็นเรื่องความมั่นคง และสำหรับกำลังเจ้าหน้าที่ทหารคาดว่าจะมาจากกองทัพภาคที่1ซึ่งดูแลพื้นที่เมืองหลวงอยู่แล้ว ปัจจุบันมีพลโทอภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นแม่ทัพภาคที่1