จากกรณีที่ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หายตัวไปอย่างลึกลับพร้อมรถยนต์เก๋ง ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือ เหน่ง อายุ 30 ปี ผู้บังคับกองร้อยที่ 112 ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 (ผบ.ร้อย.112ฉก.1) กองกำลังสุรนารี อยู่บ้านเลขที่ 378/214 หมู่ 2 ต.แสนสุข อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ 576/2560 ของ สภ.กันทรลักษ์

โดยได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา จำนวน 4 ข้อหา คือ

1. หน่วงเหนี่ยว หรือ กักขังผู้อื่น

2. ลักทรัพย์ของผู้อื่น(รถยนต์ ราคา 200,000 บาท) หรือ รับของโจร

3.ปลอมหรือใช้อ้างเอกสารปลอม

4. ให้เสียหาย ทําลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือ ทําให้สูญหาย หรือ ไร้ประโยชน์ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
 

 

เปิดหลักฐานเด็ดมัด “ผู้กองเหน่ง” เกี่ยวข้อง สาวอบต.ศรีสะเกษ หายตัว  ขณะญาติ เดินหน้าค้นหาร่าง จุดสัญญาณมือถือหาย

จากกรณีที่ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน อายุ 37 ปี รับราชการตำแหน่ง ผู้อำนวยการ (ผอ.) กองการศึกษา อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้หายตัวไปอย่างลึกลับพร้อมรถยนต์เก๋ง ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
หลังจากนั้นทางด้านผู้เป็นพ่อ ได้เข้าแจ้งความและร้องทุกข์ กับสื่อมวลชนเพื่อตามหาลูกสาวที่หายไป ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ไปพบว่ารถเก๋งของ น.ส.จุฑาภรณ์ ถูกนำเอาไปขายและนำไปทำสีอยู่ที่อู่รถแห่งหนึ่งใน จ. อุบลราชธานี

ด้าน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.ศรีสะเกษ ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.อุบลราชธานี เข้าตรวจสอบเก็บพยานหลักฐานภายในรถคันดังกล่าว เพื่อใช้เป็นหลักฐานนำไปสู่การติดตามหาตัว น.ส.จุฑาภรณ์

ทางด้านเจ้าของอู่ เปิดเผยว่า อู่ตนได้รับจ้างทำสีรถคันดังกล่าวให้กับเสี่ยคนหนึ่ง ที่มีอาชีพซื้อขายรถ ซึ่งรถคันดังกล่าวพบว่ามีการโป้สีมาหนาดูแล้วเหมือนมีการชนหนัก จึงได้ให้ทำสีใหม่ เพื่อขายได้ราคาดีขึ้น ซึ่งค่าจ้าง จำนวน 15,000 บาท โดยมีการว่าจ้างตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา


ด้าน พล.ต.ต.สุระเดช เด่นธรรม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ศรีสะเกษ ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนคลี่คลายคดีนี้ โดยมี พ.ต.อ.นิพล บุญเกิด รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ เป็นหัวหน้าชุด และ พ.ต.อ.ฉัตรพัฒน์ แก้วจันดี ผกก.สส.ภ.จว.ศรีสะเกษ นำทีมสืบสวน ภ.จว.ศรีสะเกษ เข้าร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีนี้


สำหรับการหายตัวไปในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ยังตั้งเอาไว้หลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งในครอบครัว ความขัดแย้งในที่ทำงาน รวมถึงเรื่องชู้สาว ซึ่งตอนนี้มีการตามประกบตัวผู้ต้องสงสัยไว้แล้ว เมื่อพยานหลักฐานครบถ้วนแล้วก็จะสามารถออกหมายจับคนร้ายรวมทั้งผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ทันที

วันที่ 10 สิงหาคม 2560 เรื่องดังกล่าว ก็มีความคืบหน้าเพิ่มขึ้น เมื่อ การสอบสวนพบว่า น.ส.จุฑาภรณ์ กับทางด้าน ร.อ.ศุภชัย ภาโส ผู้บังคับกองร้อยที่ 112 ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 (ผบ.ร้อย.112ฉก.1) กองกำลังสุรนารี อยู่ด้วยกันตั้งแต่วันที่หายตัวไป และจะตรวจสอบไม่ได้อีกเลยคือตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา

หลงจากนั้นทางด้าน พ.ต.ท.สังวร วันทะวี สว.สอบสวน สภ.กันทรลักษ์ ได้นำหมายเรียกผู้ต้องหาไปส่งให้นายทหารพระธรรมนูญ ที่กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 6 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เพื่อขอควบคุมตัว ร.อ.ศุภชัย ภาโส ผู้บังคับกองร้อยที่ 112 ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 (ผบ.ร้อย.112ฉก.1) กองกำลังสุรนารี ซึ่งประจำการอยู่ที่เทือกเขาพนมดงรัก ชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร ไปพบพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ในวันที่ 11 สิงหาคม 2560 เวลา 13.30 น. ในข้อหา กักขังหน่วงเหนี่ยว ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายฯ

วันที่ 11 สิงหาคม 2560 เวลา ประมาณ 14.10 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ศรีสะเกษ พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวน ได้รับมอบตัว ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือ เหน่ง อายุ 30 ปี ผู้บังคับกองร้อยที่ 112 ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 (ผบ.ร้อย.112ฉก.1) กองกำลังสุรนารี อยู่บ้านเลขที่ 378/214 หมู่ 2 ต.แสนสุข อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ 576/2560 ของ สภ.กันทรลักษ์


โดยได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา จำนวน 4 ข้อหา คือ

1. หน่วงเหนี่ยว หรือ กักขังผู้อื่น

2. ลักทรัพย์ของผู้อื่น(รถยนต์ ราคา 200,000 บาท) หรือ รับของโจร

3.ปลอมหรือใช้อ้างเอกสารปลอม

4. ให้เสียหาย ทําลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือ ทําให้สูญหาย หรือ ไร้ประโยชน์ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

พนักงานสอบสวน ได้ใช้เวลารวมทั้งหมดกว่า 5 ชั่วโมง ทำการสอบปากคำ ร.อ.ศุภชัย ภายในห้องสอบสวน ที่ห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป ซึ่ง ร.อ.ศุภชัย ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา



ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากการที่ต้องทำการเรียก ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือ เหน่ง มาสอบสวนนั้นเนื่องจาก วันที่ 3 กรกฎาคม 2560 เวลาประมาณ 15.00 น. ร.อ.ศุภชัย ได้โทรศัพท์ ติดต่อกับ นางสุชาวดี ปทุมอินทน์ เรื่องซื้อขายรถยนต์ ของทางด้าน น.ส.จุฑาภรณ์ เชื่อว่า ร.อ.ศุภชัย ได้นำพา น.ส.จุฑาภรณ์ ไปโดยปราศจากเสรีภาพ และกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ต่อ น.ส.จุฑาภรณ์ การกระทำของ ร.อ.ศุภชัย หน่วงเหนี่ยว หรือ กักขังผู้อื่น พร้อมทั้งนำหลักฐานเล่มคู่มือรถคันดังกล่าว ไปขายให้กับ นายประกรรษวัติ หรือ เสี่ยตั้ม คณะพันธ์ พร้อมหลักฐานเล่มคู่มือรถคันดังกล่าวและหลักฐานการซื้อขายที่มีผู้ทำปลอมขึ้นมาทั้งฉบับ

นอกจากนั้น แล้วทางด้าน ร.อ.ศุภชัย ได้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปฝากให้ น.ส.สุชาวดี ขายให้ พร้อม ได้นำบัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริง และ คู่มือรถยนต์ฉบับจริงของ น.ส.จุฑาภรณ์ ไปแสดงต่อ น.ส.สุชาวดี เพื่อให้หลงเชื่อว่า น.ส.จุฑาภรณ์ เจ้าของรถคันดังกล่าวต้องการขายรถจริง โดยให้การว่า น.ส.จุฑาภรณ์ ร้อนเงินต้องขายรถนำเอาเงินไปใช้ด่วน
จากนั้น ได้ขายรถคันดังกล่าวให้กับ นายวิฑูรย์ ท้าวแก้ว ซึ่งเป็นนายหน้าค้ารถยนต์มือสอง จากนั้น นายวิฑูรย์ ได้นำรถคันดังกล่าวไปขายให้กับ นายประกรรษวัติ หรือ เสี่ยตั้ม คณะพันธ์ พร้อมหลักฐานเล่มคู่มือรถคันดังกล่าวและหลักฐานการซื้อขายที่ มีผู้ทำปลอมขึ้นมาทั้งฉบับ จากนั้น นายประกรรษวัติ ได้นำรถคันดังกล่าวไปจ้างให้ นายบุญชู ศิรินนท์ เพื่อทำสีใหม่

 

เปิดหลักฐานเด็ดมัด “ผู้กองเหน่ง” เกี่ยวข้อง สาวอบต.ศรีสะเกษ หายตัว  ขณะญาติ เดินหน้าค้นหาร่าง จุดสัญญาณมือถือหาย


ขณะที่เรื่องของเงินที่ น.ส.จุฑาภรณ์ โอนเงินไปเข้าบัญชีของ ร.อ.ศุภชัย นั้น ร.อ.ศุภชัย กล่าวอ้างว่า น.ส.จุฑาภรณ์ ยืมเงินของตนไปจึงได้โอนเงินมาใช้หนี้ หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะได้ทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่อไป เพื่อสรุปสำนวนคดีให้ได้โดยเร็ว

วันที่
12 สิงหาคม 2560 พลตำรวจตรี สุรเดช เด่นธรรม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ระบุว่า ทางตำรวจยังคงเร่งสืบสวน เพื่อหาตัว น.ส.จุฑาภรณ์ อย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ มีการระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งจากตำรวจภูธรภาค 3 ,ตำรวจภูธรภาค 4 และกองปราบปราม ลงพื้นที่กระจายกำลังแบบปูพรมทุกจุด ทั้งการตรวจเช็คสัญญาโทรศัพท์ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2560 ที่หายตัวไป ตรวจสอบร้านกาแฟสดแห่งหนึ่งที่หมู่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย ทางขึ้นเขาพระวิหาร

เป็นจุดแรกที่น.ส.จุฑาภรณ์ และร.อ.ศุภชัย ตรวจสอบพบภาพถ่ายทั้งคู่ยังอยู่ที่บอร์ดในร้าน จึงเป็นหลักฐานที่ยืนยันว่า ทั้งคู่คบหา รู้จักกันเป็นอย่างดี แต่ในฐานะอะไรยังไม่แน่ชัด


ล่าสุด
ตำรวจชุดสืบสวน จ.ศรีสะเกษ พบพิกัดต้องสงสัยที่เช็คจากสัญญาณโทรศัพท์ โดยพบว่าอยู่แถวค่ายทหารแห่งหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน ใกล้กับห้วยน้ำผึ้ง และช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งเดินเท้าปูพรมตามหาตัว น.ส.จุฑาภรณ์ อย่างเต็มที่

ขณะที่มีแหล่งข่าว อ้างว่า น.ส.จุฑาภรณ์ ขอลางาน
1 วัน เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2560 เพื่อไปสะสางปัญหากับนายทหารรายหนึ่งที่ค่ายสรรพสิทธิ์ประสงค์ จ.อุบลราชธานี และจะเดินทางกลับมาที่ อบต.ให้ทันเวลา เนื่องจากมีภารกิจนำชาวบ้านและผู้นำชุมชนเดินทางไปกราบพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่กรุงเทพฯ กระทั่งบ่าย เพื่อนในที่ทำงานพยายามติดต่อก็ไม่สามารถติดต่อได้ แต่พบว่ามีการเคลื่อนไหวข้อความในไลน์ และเฟสบุ๊ค จึงมีความพยายามติดต่อไป แต่ น.ส.จุฑาภรณ์อ้างว่าไม่สะดวก

วันที่ 14 สิงหาคม 2560 เจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบที่ร้าน ปังปัง บ้านภูมิชรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ร้านอาหารที่เป็นจุดเริ่มต้นแรกการพบกันระหว่าง ร.อ. ศุภชัย ภาโส หรือ ผู้กองเหน่ง กับ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน และคุณหน่อย เจ้าของร้านดูเหมือนจะกลายเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของ น.ส.จุฑาภรณ์ ซึ่ง ทางด้านเจ้าของร้าน เล่าว่า ทั้งคู่ได้มารู้จักกันเมื่อ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 ที่ร้านแห่งนี้ และได้แลกเฟสบุ๊ค แลกไลน์ มือถือกัน เป็นการเริ่มต้นของการคบหา นัดทานข้าวกันมาตลอด ส่วนทางด้าน น.ส.จุฑาภรณ์ นั้นเป็นคนนิสัยดี จึงสนิทกับคนง่าย และสนิทกับทางเจ้าของร้านด้วย และก็มักจะนัดกันมาพบที่ร้านแห่งนี้ ก่อนที่จะหายตัวไป ทางด้าน น.ส.จุฑาภรณ์ ได้บ่นกับคุณหน่อยว่า ให้พาไปตามหนี้ที่ผู้กองยืมเงินไปจากตนด้วย แต่ด้วยที่ตนไม่ค่อยว่าง จึงไม่ได้ไปด้วย

 

ในวันที่ 29 มิถุนายน 2560 ได้แชทมาชวนคุณหน่อย อีกครั้งว่า ไปเที่ยวค่ายทหารกันไหม ซึ่งก็บอกว่าไม่ว่าง ซึ่งตามที่มีข้อความ ว่างไหม จะพาไปเล่นค่ายทหาร ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2560 น.ส.จุฑาภรณ์ ก็หายไป แต่ไลน์ เฟสบุ๊ค ยังมีความเคลื่อนไหว ซึ่งไม่เชื่อว่าเป็น น.ส.จุฑาภรณ์ เล่น และที่สำคัญ มีภาพของ ร.อ.ศุภชัย หลุดเข้ามา เป็นเหมือนการส่งผิด ซึ่งคุณหน่อยก็เก็บไว้ และได้ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว เชื่อว่า น.ส.จุฑาภรณ์ เสียชีวิตไป

พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ได้รับรองความปลอดภัย ในการมอบหนังสือการคุ้มครองพยานให้กับ คุณหน่อย และส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลความปลอดให้ครอบครัวนี้

 

หลังจากที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่แบบปูพรม แต่ยังคว้าน้ำเหลว แม้จะมีการแกะรอยการสัญญาณโทรศัพท์มือถือของทั้ง 2 สัญญาณที่เชื่อว่าเป็นของน.ส.จุฑาภรณ์ และ ร.อ.ศุภชัย จากที่มีสัญญาณโทรศัพท์ออกจากบ้าน ไปส่งลูกที่โรงเรียนในอำเภอกันทรลักษ์ และตรงไปที่ค่ายทหารในอำเภอวารินชำราบ และพบเห็นสัญญาณโทรศัพท์ ของ ร.อ.ศุภชัย อยู่ด้วยกัน จากนั้นสัญญาณโทรศัพท์ของ ร.อ.ศุภชัย ได้ออกไปตลาดในเมืองอุบล วนอยู่หลายรอบ ก่อนที่จะกลับเข้าไปในค่ายทหารอีกครั้ง จึงพบเห็นสัญญาณโทรศัพท์ออกไปที่อำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี ชายแดนไทย – กัมพูชา ก่อนที่จะสัญญาณโทรศัพท์จะขาดหายไป

เปิดหลักฐานเด็ดมัด “ผู้กองเหน่ง” เกี่ยวข้อง สาวอบต.ศรีสะเกษ หายตัว  ขณะญาติ เดินหน้าค้นหาร่าง จุดสัญญาณมือถือหาย
 

วันที่ 18 สิงหาคม 2560 ครอบครัวของ น.ส.จุฑาภรณ์ ได้ออกเดินทางจากบ้านพื้นที่ หมู่ 3 บ้านชำเม็ง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ไปที่สมรภูมิช่องบกสามเหลี่ยมมรกต บนเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งมีลักษณะเป็นกึ่งกลางระหว่าง 3 ชาติ คือ ไทย ลาว และกัมพูชา พื้นที่ ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เนื่องจากได้ทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่ว่า ได้พบโครงกระดูกปริศนา แต่ไม่มั่นใจว่าจะใช่ของ น.ส.จุฑาภรณ์ หรือไม่ จึงต้องไปยืนยัน ในจุดที่พบโครงกระดูกนั้น ห่างจากฐานปฏิบัติค่ายตำรวจตระเวนชายแดนหมวดลาดตระเวนที่ 2243 พื้นที่ดูแลรับผิดชอบของทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 2310 (ทพ.2310) หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 เบื้องต้นไม่ทราบว่าเป็นเพศใด เพราะเหลือเพียงโครงกระดูกเท่านั้น ซึ่งยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นของ น.ส.จุฑาภรณ์ หรือไม่

 

เปิดหลักฐานเด็ดมัด “ผู้กองเหน่ง” เกี่ยวข้อง สาวอบต.ศรีสะเกษ หายตัว  ขณะญาติ เดินหน้าค้นหาร่าง จุดสัญญาณมือถือหาย


วันที่ 19 สิงหาคม 2560 ครอบครัวของ น.ส.จุฑาภรณ์ และทางเจ้าหน้าที่ ตำรวจ และทหาร มุ่งหน้าเพื่อจะเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ สามเหลี่ยมมรกต ซึ่งเป็นพื้นที่ บนเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งมีลักษณะเป็นกึ่งกลางระหว่าง 3 ชาติ คือ ไทย ลาว และกัมพูชา พื้นที่ ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจสอบซากโครงกระดูกปริศนาว่าจะใช่ของ ผอ.อ้อย หรือไม่ โดยมีกำลังทหารพราน กองร้อยทหารพราน 2302 และ 2308 หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 รวมถึงเจ้าหน้าที่อุทยาน คอยนำทาง และอำนวยความสะดวก

แต่ทว่าเริ่มจะเกิดอุปสรรค์ เมื่อทางด้าน ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) สปป.ลาว ประสานมายังฝั่งไทยว่า ไม่อนุญาตให้ข้ามแดนไปในอธิปไตยลาว ต้องมีกระบวนติดต่ออย่างเป็นทางการในระดับประเทศ และจะเป็นผู้ตรวจสอบศพให้เอง แต่ทางเจ้าหน้าที่ไทย และครอบครัวของ น.ส.จุฑาภรณ์ ยังคงเดินหน้ากันต่อไป เพื่อให้ถึงชายแดน แล้วจะร้องขอกับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง เพื่อไปพิสูจน์โครงกระดูกดังกล่าว และมีการเตรียมแผนการที่จะตัดชิ้นส่วนศพนำมาตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อหาคำตอบ ในการคลี่คลายคดีกันต่อไป


ความคืบหน้าล่าสุด นายก อบต.เสาธงชัย ร่วมกับ นายบัวกัน อุ่นอ่อน จึงได้จัดชุด จำนวน 8 คน และ นายวิทยา สามี ของ น.ส.จุฑาภรณ์ บุกป่าเข้าไปที่บริเวณผานางอิง ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับแจ้งว่าพบศพผู้หญิงผมยาว เพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่า เป็นศพของ น.ส.จุฑาภรณ์ หรือไม่ หากว่าใช่ ก็จะรีบนำศพกลับออกมาทันที
เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อปัญหาชายแดน เจ้าหน้าที่ของไทยจึง กลับเข้ามาในเขตแดนไทยประมาณ 2 กม.และรอชุดที่เข้าไปตรวจพิสูจน์กลับออกมา ซึ่งมีรายงานข่าวว่า คณะเดินป่าที่เดินทางเข้าไปนั้น ได้พบถุงมือยางสีฟ้า ถูกเผาอยู่ข้างทางจำนวน 3 คู่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว เพื่อนำมาพิสูจน์ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคดีดังกล่าวหรือไม่ นอกจากนั้นยังมีการพบรองเท้ายาง อีก 1 ข้างถูกเผาเช่นเดียวกัน ห่างจากที่เผาถุงมือยางประมาณ 1 กม.

วันที่ 20 สิงหาคม 2560 พ.ต.อ.ประเสริฐศักดิ์ ศรีไชย ผกก.กลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ หนึ่งในคณะพนักงานสอบสอนของคดีนี้ เปิดเผยว่า ขณะนี้ พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้สั่งการให้เร่งรัดดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีนี้อย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ซึ่งชุดคลี่คลายคดี นำโดย พ.ต.อ.นิพล บุญเกิด รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้นำชุดคลี่คลายคดีเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานต่างๆ ในเรื่องนี้อย่างเต็มที่

ซึ่งทางด้านพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา นางสุชาวดี ปทุมอินทร์ อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่รับเอารถเก๋งของ น.ส.จุฑาภรณ์ หมายเลขทะเบียน กษ 8201 เชียงใหม่ จาก ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง ผู้ต้องหาคดีนี้ ไปขายต่อ โดยได้ตั้งข้อหาว่ารับของโจร และข้อหาปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.ประเสริฐศักดิ์ ศรีไชย ผกก.กลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ให้ข้อมูลต่อว่า จากการที่ได้แจ้งข้อหา นางสุชาวดี ปทุมอินทร์ เป็นผู้ต้องหาร่วมในคดีนี้ ส่งผลให้ ร.อ.ศุภชัย ซึ่งก่อนหน้านี้การดำเนินคดี ร.อ.ศุภชัยจะต้องไปขึ้นศาลทหาร แต่เมื่อมีพลเรือนเข้ามามีส่วนร่วมในคดีนี้จึงส่งผลให้ ร.อ.ศุภชัย ต้องมาขึ้นศาลยุติธรรม ซึ่งเป็นศาลพลเรือน โดยขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ครบถ้วน และขณะนี้กำลังร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อตามหาตัว น.ส.จุฑาภรณ์ให้พบ เพื่อเป็นพยานสำคัญในการดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาทั้งสองคนต่อไป

โดยล่าสุดนั้น ทางด้าน ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง อดีต ฝ.1,ฝ.4 และ ฝ.5 ฉก.ร.6 ซึ่งถูกเรียกตัวกลับที่ตั้งกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 6 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ โดยขณะนี้ ร.อ.ศุภชัย ยังคงถูกกักบริเวณอยู่ภายในกรมทหารราบที่ 6 ไม่ให้ออกไปไหน ยกเว้นตำรวจจะขอตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งหลังตั้งกรรมการสอบสวนเบื้องต้นยังไม่มีสิ่งที่บ่งชี้ว่า ร.อ.ศุภชัย จะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ ผอ.อ้อย แต่ ร.อ.ศุภชัย ยอมรับว่าในวันที่ 3 กรกฎาคม ได้เดินทางไป จ.อุบลราชธานี พร้อมด้วยกับ น.ส.จุฑาภรณ์ จริง แต่เดินทางกลับ อ.กันทรลักษณ์ ในเวลาประมาณ 12.00 น. ส่วน น.ส.จุฑาภรณ์ มีคนเอารถมารับไปต่อ แต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร และไปที่ไหน นอกจากนี้ยังทราบว่าทางด้านพฤติกรรมของ ร.อ.ศุภชัย นั้น เป็นคนที่มีพฤติกรรมลึกลับพอสมควร และยังมีเงินหมุนเวียนในบัญชี จำนวนมาก และ เคยบอกว่าทาง น.ส.จุฑาภรณ์ นั้นเป็นหนี้ ตัวเขาด้วย
 

เปิดหลักฐานเด็ดมัด “ผู้กองเหน่ง” เกี่ยวข้อง สาวอบต.ศรีสะเกษ หายตัว  ขณะญาติ เดินหน้าค้นหาร่าง จุดสัญญาณมือถือหาย


วันที่ 21 สิงหาคม 2560 พ.ต.อ.ประเสริฐศักดิ์ ศรีไชย ผกก.กลุ่มงานสอบสวน ตำรวจภูธร จ.ศรีสะเกษ เปิดเผย ขณะนี้การสอบสวนพบว่าหลังจากที่ น.ส.จุฑาภรณ์ หายตัวไปแล้ว ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กและแอปพลิเคชันไลน์ของ น.ส.จุฑาภรณ์ ในการสนทนากับญาติพี่น้องของ น.ส.จุฑาภรณ์ จึงได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้โดยการนำเอาโปรแกรมฟิชชิ่งมาใช้ในการดำเนินการ โดยให้พี่สาวของ น.ส.จุฑาภรณ์ ส่ง Messenger เข้าไปในเฟซบุ๊กของ น.ส.จุฑาภรณ์ และไม่นานก็ได้มีข้อความใน Messenger เฟซบุ๊กของ น.ส.จุฑาภรณ์ ตอบมา เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดเอาโทรศัพท์มือถือของ ร.อ.ศุภชัย ภาโส ผู้ต้องหาสำคัญคดีนี้มาตรวจสอบโดยใช้โปรแกรมฟิชชิ่ง พบว่ามีการใช้โทรศัพท์ของ ร.อ.ศุภชัย ที่ใช้ในการสนทนาเฟซบุ๊กและแอปพลิเคชันไลน์ของ น.ส.จุฑาภรณ์ มาโดยตลอด ทำให้เป็นหลักฐานสำคัญส่วนหนึ่งในการสอบสวนหาตัว น.ส.จุฑาภรณ์ ที่หายไป

 

พนักงานสอบสวน เตรียมแจ้งขอหากระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ต่อร.อ.ศุภชัย ขณะที่ทางครอบครัว และญาติได้พากันค้นหาตัว น.ส.จุฑาภรณ์ ที่บริเวณปราสาทโดนตรวล ติดกับชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร เนื่องจากเป็นจุดที่สัญญาณโทรศัพท์ได้หายไปบริเวณนี้ ทุกคนยืนยันว่าจะยังคงตามหาตัวของ น.ส.จุฑาภรณ์ต่อไปจนกว่าจะพบ และจะไม่ยกเลิกการค้นหาอย่างเด็ดขาด