ให้เคสนี้เป็นตัวอย่าง!! สาวโพสต์เดือดยายตกบันไดแผลเหวอะเข้าห้องฉุกเฉินรอ5ชม.ไร้แววหมอ ผอ.รพ.รีบเคลียร์เหตุแบบใจวัดใจ ทำโซเชียลปลื้มแชร์รัวๆ

ติดตามรายละเอียด : http://www.tnews.co.th

สืบเนื่องจากกรณีเมื่อสมาชิกเฟซบุ๊กใช้ชื่อ "chanida Aom" ได้เผยแพร่ภาพบาดแผลบริเวณศีรษะของคุณยายตนเอง อายุ 84 ปี ซึ่งเกิดอุบัติเหตุตกบันได และต้องเข้ารักษาอาการที่โรงพยาบาลลำปาง ก่อนถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน แต่ผ่านไปหลายชั่วโมงก็ยังไม่มีหมอมาตรวจคนป่วยแต่อย่างใด ทนไม่ไหว ทำให้หลังจากที่มีการแชร์โพส์ตภาพและข้อความดังกล่าวออกไป ชาวเน็ตมีการแสดงความคิดเห็นมากมายในเชิงตำหนิหมอ และโรงพยาบาล

ให้เคสนี้เป็นตัวอย่าง!! สาวโพสต์เดือดยายตกบันไดแผลเหวอะเข้าห้องฉุกเฉินรอ5ชม.ไร้แววหมอ ผอ.รพ.รีบเคลียร์เหตุแบบใจวัดใจ ทำโซเชียลปลื้มแชร์รัวๆ

 

โดยรายละเอียดดังกล่าวระบุเอาไว้ว่า...“ขออนุญาตแอดมิน ขอความคิดเห็นเพื่อนๆ พี่ๆ ว่าคนไข้เป็นหนักขนาดนี้ บอกต้องรอหมอตั้งแต่สามโมงกว่า จนถึงตอนนี้กับคนแก่คนหนึ่งไม่ทำไรให้สักอย่างไม่รู้ว่าหมอท่านไปไหนคะ ทำไมถึงยังไม่มาดูคนป่วย อยากรู้ว่าต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้เลยใช่ไหมคะ นี่ขนาดมาเคสฉุกเฉินนะคะ แต่ทำเหมือนเคสปกติเลย”

ให้เคสนี้เป็นตัวอย่าง!! สาวโพสต์เดือดยายตกบันไดแผลเหวอะเข้าห้องฉุกเฉินรอ5ชม.ไร้แววหมอ ผอ.รพ.รีบเคลียร์เหตุแบบใจวัดใจ ทำโซเชียลปลื้มแชร์รัวๆ

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด จากการตรวจสอบพบว่า คุณยายคนดังกล่าว อาศัยที่ ต.บ้านเป้า อ.เมือง จ.ลำปาง โดยเวลาประมาณ 14.30 น. เกิดตกบันไดบ้าน ศีรษะกระแทกพื้นปูน มีบาดแผลฉกรรจ์เลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก ทางลูกหลานนำตัวส่งโรงพยาบาลลำปาง ซึ่งมาถึงโรงพยาบาลเวลาประมาณ 15.00 น. ก่อนถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน โดยมีหลานสาวเฝ้าด้วยความเป็นห่วง จนเวลาผ่านไปก็ยังไม่มีหมอมาตรวจและทำการรักษา จึงได้ถ่ายภาพคุณยายแล้วโพสต์ลงในเพจดังกล่าว จนต่อมาทางผู้บริหารของโรงพยาบาลทราบเรื่อง จึงได้มีการประสานให้หมอรีบทำการรักษาเย็บบาดแผลจำนวนกว่า 30 เข็ม เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. รวมระยะเวลาที่คนไข้ต้องรอ นานกว่า 5 ชั่วโมง และมีการร้องขอให้ลบภาพดังกล่าวออกจากเฟซบุ๊ก ซึ่งทางญาติก็ยินยอมทำตาม และมีความพึงพอใจในระดับหนึ่ง

 

ทั้งนี้ ผู้โพสต์ได้ลบภาพ และข้อความดังกล่าวออกจากระบบ พร้อมโพส์ตข้อความว่า “ขออนุญาตลบโพสต์คุณยายออกนะคะ มีผู้ใหญ่ลุงแดงลงมาให้ความช่วยเหลือแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคอมเม้นที่เป็นห่วงคุณยายนะคะ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ” ด้านชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความเห็นสำหรับโพสต์นี้อย่างมากมาย โดยส่วนใหญ่ชื่นชมทั้งทางผู้ป่วยและทางโรงพยาบาลที่มีสติในการแก้ปัญหา ไม่ใช้อารมณ์จนทำให้เรื่องบานปลาย