- 01 ก.ย. 2560
ติดตามรายละเอียดที่นี่ http://www.tnews.co.th
ถือเป็นประเด็นร้อนที่ในกระแสเฝ้าติดตามผลต่อเนื่อง ภายหลังจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีคำสั่งที่ 4929/2560 เรื่องให้สมาชิกสภานิสิตสามัญ จำนวน 5 คน นำโดยนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์ และในฐานะประธานสภานิสิตฯ พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติตามข้อ 35.3 และ ข้อ 40.4 แห่งระเบียบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่าด้วยสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2529
ขณะที่ในส่วนของกลุ่มเคลื่อนไหวที่ให้การสนับสนุนนายเนติวิทย์ ก็เลือกใช้แนวทางต่อต้านคำสั่งของผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยใช้ชื่อสภานิสิตฯออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนไม่ยอมรับคำสั่งทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว และขอเรียกร้องให้คณะกรรมการชี้แจงกระบวนการพิจารณาและข้อกล่าวหาอย่างชัดเจนแก่นิสิตที่ถูกสอบสวน รวมทั้งเปิดโอกาสให้นิสิตที่ถูกสอบสวนได้มีระยะเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานและแก้ข้อกล่าวหาอย่างเต็มที่ในชั้นของการอุทธรณ์ต่อไป
พร้อม ๆ กับการแสดงท่าทีล่าสุดของนายเนติวิทย์ ต่อการดำเนินตามระเบียบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผ่านแถลงการณ์ของสภานิสิตฯ ว่า “ ขอบคุณสภานิสิตจุฬาฯที่ยังไว้วางใจผม
ในช่วงวิกฤตินี้ เราจะผ่านพ้นมันไปให้ได้ เพื่อสวัสดิการและสิทธิของเพื่อนนิสิตและบริการสังคมให้มหาวิทยาลัยของเรามีศักดิ์ศรีในประชาคมโลก”
ท่ามกลางกระแสข้อเท็จจริงที่มีการเปิดเผยในเวลาต่อมาว่า แท้จริงแล้วแถลงการณ์ที่อ้างว้าเป็นความเห็นชอบโดยเสียงส่วนใหญ่ของสภานิสิตฯนั้น ได้มาโดยความไม่ชอบธรรมอย่างที่มีการแสดงไว้และนายเนตวิทย์หยิบฉวยมาใช้เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง (คลิกอ่านข่าวประกอบ : นิสัยผู้อ้างตัวนักปชต.?!?สภานิสิตจุฬาฯแถลงการณ์ค้านปลดเนติวิทย์แก๊ง แฉองค์ประชุมไม่ครบ-มาขอมติแล้วไปร่างฯกันเองไร้ลายเซ็นกำกับ ทำมาหลายครั้ง?)
สำทับด้วยข้อเท็จจริงจากผลการสอบของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งชัดเจนในประเด็นความถูกต้องของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างประกอบพิธีถวายสัตย์ ปฏิญาณตนของนิสิตใหม่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงให้เห็นว่าเจตนาของนายเนติวิทย์และพวก ต้องการจะสร้างกระแสอะไร อย่างไร ในระหว่างการดำเนินพิธีอันสำคัญยิ่งของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหลายยุคสมัยที่ผ่านมา หลังจากมีการนำพิธีดังกล่าวกลับมาใช้อีกครั้งเพื่อตอกย้ำความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณยิ่งของล้นเกล้า 2 รัชกาล
“สืบเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่เรียบร้อยในพิธีถวายสัตย์ฯของนิสิตชั้นปีที่หนึ่งเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2560 ทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีกระบวนการดำเนินการทั้งในส่วนของอาจารย์และนิสิตที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ตามที่ได้นำเสนอข้อมูลให้สาธารณชนรับทราบผ่านสื่อของมหาวิทยาลัยเป็นระยะแล้วนั้น โดยปกติมหาวิทยาลัยจะไม่เปิดเผยการลงโทษนิสิต หากแต่ขณะนี้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น มหาวิทยาลัยจึงมีความจำเป็นต้องสื่อสารกับสาธารณะถึงกรณีดังกล่าว เพื่อให้เกิดความชัดเจน..” (คลิกอ่าน : คำชี้แจงความคืบหน้าเหตุการณ์ความไม่เรียบร้อย ในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนิสิตชั้นปีที่หนึ่ง)
สอดคล้องกับมุมมองของ ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ซึ่งเคยสนับสนุนแนวคิดของนายเนติวิทย์มาโดยตลอดนั้น ก็ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ในเชิงเห็นว่าการกระทำของนายเนติวิทย์ไม่ถูกต้องกับสถานการณ์ข้อเท็จจริง “"สำหรับเนเน่ แม้ว่าใครๆ ก็รู้ว่าผมเป็นฝ่ายสนับสนุนเค้า แต่งานนี้ (รวมทั้งงานปีก่อนด้วย) ผมไม่เห็นด้วยกับวิธีการของเรานะ ...และที่เราต้องคำนึงให้มาก คือ ปีนี้ เรามีตำแหน่งอันทรงเกียรติคือประธานสภานิสิตอยู่ด้วย จะทำอะไร ควรคิดถึงชื่อเสียงระยะยาวขององค์กรด้วย สิ่งที่ผมสงสัยคือ สิ่งที่ทำไปทั้งหมดนั้นเป็นมติของสภาฯ มาก่อนหรือเปล่า (เช่น มีมติว่า ถ้างานไม่ออกมาดังใจ จะลุกออก) ถ้าไม่เคยมีมติ และถ้าผมเป็นสมาชิกสภาฯ อยู่ ผมจะขอใช้สิทธิตั้งกระทู้ถาม ไปจนถึงขอตั้งอนุกรรมการสอบเรื่องนี้ และถ้าพบว่าทำให้สภาฯเสียหาย ผมจะใช้สิทธิขอถอดถอนออกจากตำแหน่งประธานสภาฯ ด้วย" (คลิกอ่านข่าวประกอบ : เห็นต่างแบบหักมุม!!เซอร์ไพรส์สุดๆ "อ.เจษฏา" ออกโรงซัด "เนเน่" ป่วนผิดงาน! ปมเหตุชุลมุนพิธีถวายสัตย์ฯ แม้เคยเข้าข้าง...แต่หนนี้พลาดเต็มๆ)
ล่าสุดในเพจเฟซบุ๊ก “ไพศาล พืชมงคล” กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้แสดงความเห็นสั้น ๆ ต่อประเด็นดังกล่าวว่า “อย่าอ้างสภานิสิตอีก แท้จริงแค่คน4 คนที่ถูกปลดที่ไม่ยอมรับ อย่าเบือนความจริง อย่าเอาใบปลิวที่ไม่มีใครลงชื่อมาอ้างแบบนี่
อายเค้า!!!”
อย่างไรก็ตามในอีกแง่มุมหนึ่ง แนวทางการเคลื่อนไหวของ นายเนติวิทย์ ในประเด็นที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นและสร้างความกระอักกระอ่วนให้กับผู้รับผิดชอบ เพราะถ้าย้อนไปจริง ๆ นับแต่นายเนติวิทย์ก้าวเข้าสู่รั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็มีการเคลื่อนไหวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก อาทิ การเขียนเฟซบุ๊กที่ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ว่า “สนใจหาฟัง เพลงน้ำใจน้องพี่สีชมพู แบบ RAP ” หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ บทเพลงพระราชนิพนธ์ “มหาจุฬาลงกรณ์” (คลิกอ่านข่าวประกอบ : ขอฟังชัดๆจากชาวจุฬาฯ !! เมื่อ "เนติวิทย์" บอกไม่ดีหรืองัย ดัดแปลงเพลงพระราชนิพนธ์ "มหาจุฬาลงกรณ์ " ด้วยเหตุผลแบบนี้?? )
จากนั้นปมชนวนความขัดแย้งก็มาถึงจุดวิกฤต เมื่อนายเนติวิทย์และเพื่อนเลือกตัดสินใจลุกขึ้นเดินออกจากพื้นที่จัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน ซึ่งนายเนติวิทย์เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมพิธี ออกไปด้านหน้าแล้วโค้งคำนับแทนการถวายบังคมเหมือนนิสิตคนอื่น ๆ กลายเป็นรอยด่างพร้อยสำคัญที่ชาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่เคยลืมเลือน ว่าสิ่งที่กระทำในปี 2559 เป็นวิธีการซึ่งมีนัยแฝงเร้น เช่นเดียวกับกลุ่มบุคคลที่มีทัศนคติอันตรายต่อสถาบันเบื้องสูง โดยหนึ่งในนั้นก็คือ นายศรัณย์ ฉุยฉาย หรือ “อั้ม เนโกะ” ผู้ต้องหากระทำผิดตามคดีความมั่นคง และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แล้วหลบหนีออกจากประเทศไทยไปอยู่ที่สาธารณรัฐฝรั่งเศส (คลิกอ่านช่าวประกอบ : ชั่วคือชั่ว เลวกับเลว!! "อั้ม เนโกะ" โพสต์คลิปจาบจ้วงพิธีถวายบังคมฯ # "เนติวิทย์ " ห่ามไม่เลิก ท้าโพลชาวจุฬาฯจะเอางัยงานถวายสัตย์ฯ?? ) ก่อนที่นายเนติวิทย์จะก่อเหตุซ้ำในปี 2560 !?!