ตู่จตุพรติดคุก..แต่เต้นก็ตู่ได้ต่อ!!ปู จิตกร จัดเต็มๆณัฐวุฒิหยุดหลอกลวงคนเสื้อแดง เปิดความจริงทำไมศาลอาญาฎีกายืนไม่รับฟ้องคดีสลายชุมนุมปี53?

สืบเนื่องจากกรณีศาลฎีกาพิพากษายืนยกฟ้อง อัยการฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ - นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ฐานร่วมกันก่อให้ฆ่าผู้อื่นเหตุสลายม็อบ นปช.ปี 2553 โดยศาลฎีกาชี้ คดีต้อง ปปช.ไต่สวนและยื่นฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาขอวผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มิใช่ดีเอสไอ ทำสำนวนส่งอัยการ ฟ้องศาลอาญา เนื่องจากคดีสืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ ต้องปฏิบัติตามขั้นตอน รธน.- พ.ร.บ.ว่าด้วย ปปช.ปี 2542 เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้องเนื่องจากคดีไม่อยู่ในเขตอำนาจศาลแล้วคดีจึงถึงที่สุด

 

 

ทั้งนี้ หลังจากศาลได้สั่งยกฟ้องนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ในคดีสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ได้ออกมากล่าวถึงกรณีนี้ว่า จะทำหน้าที่ทวงถามความยุติธรรมให้ประชาชนในคดีสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ต่อไปจนถึงที่สุด พร้อมรวบรวมรายชื่อประชาชนจำนวนล้านคนเพื่อเสนอต่อประธานรัฐสภา

 

 

ล่าสุด ในเฟซบุ๊กของ ปู จิตกร บุษบา ได้แสดงความคิดเห็น หลังจากนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เดินหน้าร้อง ป.ป.ช.ทบทวนคดีสลายชุมนุมเสื้อแดงปี 2553 หลังศาลฎีกายกฟ้อง นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ พร้อมทั้งเตรียมล่ารายชื่อล้านคนเพื่อเสนอต่อประธานรัฐสภา โดย ปู จิตกร บุษบา กล่าวว่า...

 

 

 

 

"อ่าน...แล้วตอบซิ ไอ้เต้น!!
..................................
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวถึง กรณี ศาลฏีกา ยกฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กรณีสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ว่า ส่วนตัวเคารพคำวินิจฉัยของศาล แต่ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ทวงถามความยุติธรรมให้ประชาชนในคดีสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ต่อไปจนถึงที่สุด ซึ่งศาลชี้ว่าคดีอยู่ในอำนาจของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งครั้งแรกที่ ป.ป.ช. ยกคำร้องส่วนตัวก็ไม่ได้เห็นด้วย เพราะป.ป.ช.ไม่ส่งเรื่องไปถึงอัยการ อย่างไรก็ตาม คนตายพูดไม่ได้ คนเป็นจึงต้องพูดแทนคนตาย
.
หยุดหลอกลวงคนเสื้อแดงซะทีนะ

1) กรณีศาลฎีกา ท่านไม่ได้ "ยกฟ้อง" ท่าน "ไม่รับฟ้อง" เพราะเรื่องที่ฟ้อง ไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจของศาลอาญา จึง "ไม่รับฟ้อง" เหมือนศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์
.
2) เหตุที่ไม่รับฟ้อง เพราะการสลายการชุมนุม กระทำโดยใช้อำนาจของ "นายกฯ" กับ "รองนายกฯ" ไม่ได้คว้าปืนจากบ้านไปยิงใคร แต่สั่งให้สลายการชุมนุม จึงเข้าข่าย "กระทำโดยอำนาจหน้าที่" ซึ่งกฎหมายเขียนไว้ชัดว่า หาก ไผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง" กระทำการใดด้วยอำนาจหน้าที่นั้น ให้ร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อไต่สวน  หาก ป.ป.ช.ไต่สวนแล้วมีมูล ชี้มูล ก็ส่งสำนวนไปยังอัยการเพื่อพิจารณาส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง   นี่ "นายธาริต เพ็งดิษฐ์" อดีตอัยการ ซึ่งขณะนั้นเป็นอธิบดีดีเอสไอ  กลับทำผิด ทำเหมือนคนไม่มีความรู้ ด้วยการให้ดีเอสไอไต่สวน ทำสำนวน แล้วให้อัยการส่งฟ้องศาลฎีกา ศาลอาญาทั้งชั้นต้น อุทธรณ์ ฎีกา จึงตัดสินตรงกันว่า "ไม่รับฟ้อง" เพราะ "ไม่อยู่ในเขตอำนาจของศาลอาญา" และ "ไม่ได้กระทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย" หรือแปลเป็นภาษาชาวบ้านง่ายๆ คือ มึงฟ้องผิดศาลว่ะ!!
.
3) น่าสนใจว่า นายธาริตกับอัยการ พึงต้องมีความผิดด้วยหรือไม่ ฐานจงใจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
.
4) ส่วนการยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.พิจารณาก่อนหน้านี้นั้น  ป.ป.ช.ไต่สวนแล้ว ให้ยกคำร้อง เนื่องจากพบว่า การชุมนุมของ นปช. เป้นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย เพราะมีกองกำลังชายชุดดำติดอาวุธสงครามเข้าผสมโรงด้วย เป็นเหตุสมควรที่รัฐในขณะนั้น ต้องสลายการชุมนุม  โดยการสลายก็ปฏิบัติไปตามขั้นตอน กล่าวคือ
 
ประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมสถานการณ์ และมีกฎหมายรองรับการทำงานของเจ้าหน้าที่
.
ประกาศผ่านวิทยุ โทรทัศน์ และขอความร่วมมือเอกชนส่งข้อความ (sms) แจ้งเตือนประชาชนที่ไม่สมัครใจจะอยู่ในพื้นที่การชุมนุมที่มีการก่อการร้าย ให้แยกตัวออกมา ทางรัฐบาลมีรถรับส่งกลับภูมิลำเนาให้ด้วย ทั้งมีเฮลิคอปเตอร์บินขึ้นโปรยใบปลิว แจ้งว่ารัฐบาลจะ "ขอคืนพื้นที่" อีกด้วย
.
รัฐบาลยังได้ยื่นเรื่องให้ศาลพิจารณา ศาลตัดสินว่า การชุมนุมของ นปช. เป็นการชุมนุมที่มิชอบด้วยนัฐธรรมนูญ
.
เจ้าหน้าที่จึงเข้าสลายการชุมนุม พบว่ามีการยิงและใช้อาวุธสงครามตอบโต้กลับมา เป็นเหตุให้มีคำสั่งใช้กระสุนจริง และกำหนดพื้นที่ห้ามเข้า  บางคนที่ถูกกระสุนตาย พบว่า เข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามหลังประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว  บางส่วนยังพิสูจน์ไมไ่ด้ว่าเป็นการกระทำของใคร  
.
5) แต่ในทางการเมือง แกนนำ นปช. นำความตายเหล่านี้มาปลุกระดมทางการเมือง และสร้างวาทกรรม "มือเปื้อนเลือด" เข้าใส่นายอภิสิทธิ์ เรียบร้อยแล้ว  น่าอดสูใจ ที่ต่อมา รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เร่งรีบใช้เสียงข้างมากในสภา ผลักดัน พรบ.นิรโทษกรรมแบบไม่ฟังเสียงทัดทานของใครทั้งสิ้น เป็นเผด็จการรัฐสภา จนลงมติกฎหมายนี้ในเวลาตีสามตีสี่ก็ยังทำ  ผลของกฎหมายคือ เสื้อแดงตายฟรี!!  โชคดีที่พรรคประชาธิปัตย์คัดค้านในสภา และนายสุเทพลาออกมา คัดค้านร่วมกับประชาชน กปปส. ไม่เช่นนั้น แม้แต่สิทธิที่จะทราบว่าตายอย่างไร โดยใคร ก็ไม่มีอีกเลย!!

.
6) ดังนั้น การใช้อำนาจของนายอภิสิทธิ์ กับนายสุเทพ จึงเป็นการใช้อำนาจโดยชอบ ป.ป.ช.จึง "ยกคำร้อง"
.
7) ส่วนการตายที่เกิดขึ้น (ที่ นปช. นับทหารชุด พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ไปด้วย เพื่อให้จำนวนคนตายเยอะๆ ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่เหล่านั้น ถูกกองกำลังชายชุดดำใช้อาวุธสงครามยิงตาย ที่แยกคอกวัวแท้ๆ)  สามารถดำเนินคดีอาญาและแพ่งแยกไปต่างหากได้ ซึ่งหาก พรบ.นิรโทษกรรมผ่าน ทำไม่ได้เลยนะครับ
.
เมื่อ นปช. ไปยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.พิจารณาใหม่ ป.ป.ช.ก็รับเรื่องไว้แล้ว  แต่หากเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นการ "ร้องซ้ำ" ป.ป.ช.ก็มีสิทธิ "ยกคำร้อง" ครั้งใหม่นี้ได้"

 

 

 

cr. FB ปู จิตกร บุษบา