- 03 ก.ย. 2560
ติดตามรายละเอียด : http://www.tnews.co.th
สืบเนื่องจากการที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกคำสั่งจุฬาฯที่ 4929/2560 ปลดสมาชิกสามัญของสภานิสิตจุฬาฯ 5 คน ประกอบด้วย ประธานสภานิสิตฯ นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาลและเพื่อนรวม 5 คน พ้นจากการเป็นสมาชิกสภานิสิตสามัญ นอกจากนี้ ยังออกคำสั่งลงโทษตัดคะแนนความประพฤติ นายเนติวิทย์ พร้อมเพื่อนอีก 8 คนๆ ละ 25 คะแนนด้วย
ส่งผลทำให้นายเนติวิทย์และเพื่อน นอกจากจะพ้นตำแหน่งสภาชิกสภานิสิตฯ แล้ว ยังไม่สามารถกลับเข้ามาเป็นสมาชิกสภานิสิต และลงสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งประธานสภานิสิตสามัญ จุฬาฯ ได้อีก เพราะตามระเบียบจุฬาฯ ว่าด้วยสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2529 ระบุว่า สมาชิกสภานิสิตจะต้องไม่เป็นนิสิตที่เคยถูกลงโทษตัดคะแนนความประพฤติสะสม ตั้งแต่ 20 คะแนนขึ้นไป
ขณะที่ กลุ่มเคลื่อนไหวที่ให้การสนับสนุนนายเนติวิทย์ ก็เลือกใช้แนวทางต่อต้านคำสั่งของผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยใช้ชื่อสภานิสิตฯออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนไม่ยอมรับคำสั่งทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว และขอเรียกร้องให้คณะกรรมการชี้แจงกระบวนการพิจารณาและข้อกล่าวหาอย่างชัดเจนแก่นิสิตที่ถูกสอบสวน รวมทั้งเปิดโอกาสให้นิสิตที่ถูกสอบสวนได้มีระยะเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานและแก้ข้อกล่าวหาอย่างเต็มที่ในชั้นของการอุทธรณ์ต่อไป
ท่ามกลางข้อเท็จจริงอีกด้านที่มีข้อบ่งชี้ว่าแถลงการณ์ฉบับดังกล่าวจากกลุ่มนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงให้เห็นถึงที่มาของแถลงการณ์ได้มาด้วยความไม่ปกติของขั้นตอน แต่เป็นการกระทำของกลุ่มเพื่อนนายเนติวิทย์ด้วยกัน อาทิ ข้อมูล ของ Rome Sornpong ซึ่งระบุในในเพจสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย SCCU ว่า “ทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ สภานิสิตมีส่วนเป็นคู่กรณีทั้งทางตรงและทางอ้อม จะมาออกแถลงการณ์ที่มีส่วนได้เสียกับตนเองได้อย่างไร แล้วเวลาที่ให้ลงมติกันเรื่องนี้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ องค์ประชุมก็ไม่ครบ คุณออกแถลงการณ์มาได้อย่างไร ร่างแถลงการณ์ก็ไม่นำมาให้สมาชิกพิจารณาก่อน มาขอมติให้ออกแถลงการณ์แล้วไปร่างกันเอง เป็นแบบนี้หลายรอบแล้ว ผมเคยเตือนแล้วด้วย แล้วนี่ยังจะนำเอาสภาไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งส่วนตัวอีก ผมขอคัดค้านแถลงการณ์ฉบับนี้ ทั้งในเรื่องเนื้อหาและความถูกต้องของกระบวนการออกแถลงการณ์ครับ”
ขณะที่ Pianchai Ongsritragul ซึ่งคาดว่าเป็นหนึ่งในกรรมการสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสต์ข้อความว่า “ถือวิสาสะออกแถลงการณ์โดยสมาชิกสภานิสิตไม่ได้ร่วมพิจารณาและอ่านก่อนไม่ได้ครับ อีกทั้งยังไม่มีผู้รับผิดชอบลงนามด้วย แอบอ้างตัวองค์กรในการออกแถลงการณ์ โดยไม่มีชื่อหรือลายเซ็นผู้รับผิดชอบ เป็นแถลงการณ์ที่เลื่อนลอยมากครับ”
ต่อมาก็มีการเผยแพร่ภาพนายเนติวิทย์ ผ่าน เฟซบุ๊ค Kasidit Ananthanathorn แสดงให้เห็นท่าทีของนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ซึ่งกลายเป็นอดีตประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมีการแปลความว่าเป็นกระทำเพื่อประท้วงมาตรการลงโทษจากผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะที่เจ้าตัวเลือกอธิบายกับสื่อว่า เป็นการไว้อาลัยกับเสรีภาพ
กระทั่งทำให้ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ต้องโพสต์ข้อความแสดงความเห็นถึงกรณีดังกล่าว ในฐานะที่เป็นผู้บริหารสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา ที่สังคมไทยให้การยอมรับ ผ่านข้อความว่า "นักศึกษาไม่ประพฤติปฏิบัติและไม่ยินดีปฏิบัติตามระเบียบวินัยขนบธรรมเนียมประเพณีของมหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็นสาระสำคัญในแนวทางการศึกษาของสถาบัน แสดงว่านักศึกษาไม่ประสงค์ที่จะศึกษาที่สถาบันนี้แล้ว สถาบันมีสิทธิให้ออกจากการเป็นนักศึกษาของสถาบันนั้นได้"
ด้าน ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ยังแสดงจุดยืนที่เห็นว่าการกระทำของนายเนติวิทย์ที่ผ่านมาในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ผ่านมาโพสต์คอมเม้นต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว อธิบายความเห็นต่อบุคคลทีเข้าไปโพสต์สงสัยท่าทีที่เปลี่ยนไปของ อ.เจษฎา ว่า ..
“คือถ้าเค้าจะใช้สิทธิเสรีภาพของตัวเองในการประท้วงการถวายบังคมในงานที่ "คนอื่น (อบจ.)" จัดและคนอีกเป็นพันอยากมาร่วม ไม่ได้โดนบังคับให้มากัน วิธีที่ดีที่สุดที่เค้าควรจะทำ คือไม่มาร่วมงานแต่แรก หรือแยกจัดงานในแบบที่ตัวเองต้องการไปเลย ไม่ใช่มาร่วมงาน .. แล้วถึงมาร่วมงาน ถ้าอยากประท้วงด้วยการยืนถวายบังคม ก็ควรจะทำเสียตรงจุดที่ตัวเองยืนอยู่ แล้วเดินออกด้านข้างด้านหลังงานไปเลย ไม่ใช่พอจังหวะฆ้องสุดท้าย (ซึ่งงานยังไม่จบ ยังไม่มีประกาศให้จบ) ก็พาพวกเดินผ่าเข้ามาหน้ากลางพิธีเช่นนี้ ซึ่งนี่คือการไม่เคารพสิทธิเสรีภาพผู้อื่น”
ขณะที่ในเพจเฟซบุ๊กของ “วิรังรอง ทัพพะรังสี” อดีตนิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งก่อนหน้านี้ออกมาเรียกร้องให้อธิการบดี จุฬลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินการกับนายเนติวิทย์โดยเด็ดขาด โดยเฉพาะการตรวจสอบที่มาแถลงการณ์ของสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนปัญหาความขัดแย้งภายในมหาวิทยาลัยจะลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้
ล่าสุดโพสต์แสดงความเห็นบางช่วงบางตอน ต่อท่าทีนายเนติวิทย์ ว่า การโกนศรีษะไม่ใช่เครื่องแสดงจุดยืน หรือ แสดงถึงภาวะผู้นำ หรือการต่อสู้อะไร จึงเป็นเรื่องน่าเศร้า เป็นความเขลา และอาจเป็นขาลงของผู้ที่หมดหนทางเท่านั้น ที่จะเรียกร้องความสนใจจากสังคมและสื่อด้วยเรื่องที่ไร้สาระ จึงคิดว่าเนติวิทย์คงไม่โยงเรื่องเรื่องแค่การโกนผมส่วนตัวมายังเรื่องจุฬาฯ ที่ตนกำลังประสบปัญหาแก้ไม่ตกอยู่ในขณะนี้ !!!
ส่วนท่าทีของกลุ่มศิษย์เก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่าต่างมีท่าทีสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาทิ สมาคมศิษย์เก่าวิศวกรรมศาสตร์ โดย นาย สรัญ รังคสิริ นายกสมาคมศิษย์เก่า ได้ทำหนังสือแถลงการณ์ สนับสนุนการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัย เพื่อรักษาชื่อเสียง ขนบธรรมเนียมประเพณี และระเบียบวินัยของมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีของสังคมต่อไป"
อย่างไรก็ตามประเด็นคงต้องจับตามองต่อไปว่าบทสรุปจะชัดเจนในรูปแบบไหน โดยเฉพาะการกดดันของกลุ่มเครือข่ายนายเนติวิทย์ ซึ่งต้องการให้มีการลงโทษอาจารย์ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์โดยระบุว่ามีพฤติการณ์รุนแรงต่อนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่นับรวมกับการแสดงมุมมองของอาจารย์อีกกลุ่มหนึ่งผ่านสื่อต่างประเทศ ด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบต่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเชิดชูนายเนติวิทย์ ตามปรากฏที่เป็นข่าวในขณะนี้
“คารินา โชติรวี” อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ว่า ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งปลดนายเนติวิทย์และสมาชิกสภานิสิตฯ คนอื่นๆ และไม่คิดว่าคำสั่งดังกล่าวจะเป็นผลจากการประพฤติตนไม่เหมาะสม แต่น่าจะเป็นผลจากแนวคิดของนายเนติวิทย์มากกว่า และคำสั่งปลดครั้งนี้ยิ่งทำให้นายเนติวิทย์เป็นวีรบุรุษมากขึ้นในสายตาของคนอีกเป็นจำนวนมาก
ท้ายสุดในเพจ “ปราชญ์ สามสี” มองปฏิกิริยาการเคลื่อนไหวของกลุ่มนายเนติวิทย์ ด้วยคำสั้น ๆ ว่า “ทำไม คนวงในเนติวิทย์ ต้องเรียก เนติวิทย์ว่า "ท่าน" แล้วไอ้ที่ดัดจริต"โกน"หัวท้าล้มจุฬาฯ นี่เรียกโกน? “