เคลียร์ชัดๆ!! กรมอุทยานแห่งชาติฯ แจงนโยบายทวงคืนผืนป่า หลังชาวห้วยน้ำหินยืนหนังสือถึงผู้ว่าฯน่าน หวั่นกระทบปชช.เร่งสร้างความเข้าใจทุกฝ่าย!?!

ติดตามรายละเอียดที่นี่ http://www.tnews.co.th

จากกรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่า โดย นายดิเรก  กองเงิน ประธานสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ พร้อมด้วยกลุ่มเกษตรกรชาวไร่ห้วยน้ำหิน ตำบลสถาน อำเภอนาน้อย จังหวัดน่านกว่า 70 คน ออกแถลงการณ์และเข้ายื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการราชการจังหวัด ที่ศาลากลางจังหวัดน่าน โดยระบุข้อเรียกร้อง 3 ประเด็น ประกอบด้วย

 

 

เคลียร์ชัดๆ!! กรมอุทยานแห่งชาติฯ แจงนโยบายทวงคืนผืนป่า หลังชาวห้วยน้ำหินยืนหนังสือถึงผู้ว่าฯน่าน หวั่นกระทบปชช.เร่งสร้างความเข้าใจทุกฝ่าย!?!

​1.ขอให้ยุติการดำเนินคดีกับชาวบ้านเกษตรกรชาวไร่ห้วยน้ำหิน ตำบลสถาน ที่ถูกจับกุมและถูกดำเนินคดี เมื่อปี 2559 ข้อหาบุกรุกพื้นที่ปลูกป่าทดแทนบริเวณฝั่งขวาของแม่น้ำน่านตอนใต้ ทั้งที่ คสช. มีนโยบายว่าการทวงคืนผืนป่าต้องไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ยากไร้  2.ขอให้ยุตินโยบายการทวงคืนผืนป่า ซึ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรกรเนื่องจากส่งผลกระทบต่อ เกษตรกรผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่ดินทำกิน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของรัฐตามกฎหมาย และชาวบ้านอาศัยทำประโยชน์ ก่อนที่จะมีการออกกฎหมายสงวนหวงห้าม 3.ส่งเสริมให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุล และยั่งยืนต่อไปนั้น

เคลียร์ชัดๆ!! กรมอุทยานแห่งชาติฯ แจงนโยบายทวงคืนผืนป่า หลังชาวห้วยน้ำหินยืนหนังสือถึงผู้ว่าฯน่าน หวั่นกระทบปชช.เร่งสร้างความเข้าใจทุกฝ่าย!?!

 

 

ล่าสุด นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  กล่าวชี้แจงประเด็นดังกล่าว โดย นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ ขอเรียนชี้แจงว่าที่มาของการยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดน่านในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2558 ได้มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน เข้าร่วมดำเนินคดีกับราษฎรที่บุกรุกสวนป่าห้วยน้ำหิน ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ ตำบลสถาน อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นสวนป่าที่มีภาระผูกพันเนื่องจากปลูกโดยใช้งบประมาณของรัฐ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 จำนวน 10 แปลง เนื้อที่รวม 7,820 ไร่ โดยขณะนี้ คดีอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน

 

ต่อมาภายในวันเดียวกัน ราษฏรที่โดนดำเนินคดีและพวกที่ใช้ชื่อว่า “กลุ่มเกษตรกรบ้านไร่ห้วยน้ำหิน” ได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เพื่อขอให้ยุติการดำเนินคดี ซึ่งจังหวัดน่านได้เชิญผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน อันประกอบด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน, รอง ผบ.มทบ. 38, นายอำเภอนาน้อย, เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัดน่าน, กอ.รมน. จ.น่าน เพื่อร่วมหารือ

 

 

เคลียร์ชัดๆ!! กรมอุทยานแห่งชาติฯ แจงนโยบายทวงคืนผืนป่า หลังชาวห้วยน้ำหินยืนหนังสือถึงผู้ว่าฯน่าน หวั่นกระทบปชช.เร่งสร้างความเข้าใจทุกฝ่าย!?!

 

 

โดยมีข้อสรุปดังนี้  ​ 1.มอบหมายให้นายอำเภอนาน้อยประสานหารือกับ สภ.นาน้อย เพื่อขอให้ชะลอการสอบสวนราษฎรที่ถูกดำเนินคดี และดำเนินการสอบสวนให้เป็นไปด้วยความรอบคอบ ครบถ้วนทุกประเด็น ​2.ให้นายอำเภอนาน้อย เสนอปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ถูกจับกุมดำเนินคดี  มายังจังหวัดน่าน เพื่อส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ​3.ให้นายสิทธิผล สอนใจ ยื่นเรื่องปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการทวงคืนผืนป่า ไปยังสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) เพื่อส่งข้อมูลไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และ 4.ให้แต่งตั้งคณะทำงานในระดับจังหวัด เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎร ทั้งนี้หากมีข้อระเบียบกฎหมายใดที่ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ให้รีบประสานการแก้ไขกับผู้ร้อง  ข้อสรุปดังกล่าว สร้างความพอใจให้แก่ผู้ที่มายื่นหนังสือ จึงได้แยกย้ายกันกลับไป

 

ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขอเรียนว่า การเข้าดำเนินคดีข้างต้น เป็นการปฏิบัติตาม “นโยบายทวงคืนผืนป่า” ของรัฐบาลชุดนี้ ที่เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมบูรณาการมาอย่างต่อเนื่อง และครอบคลุมทั้งประเทศ มิได้มุ่งเพียงจุดใดจุดหนึ่ง หากเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่เข้าไปดำเนินการใด ๆ อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อพบปัญหาก็รีบเข้าแก้ไขโดยทันที อย่างกรณีข้อพิพาทนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้กำหนดแนวทางและวางมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาไว้แล้วดังนี้

 

​1) จะรีบดำเนินการด้วยวิธีบูรณาการกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้, ตำรวจ, ฝ่ายปกครอง, กอ.รมน, และราษฎรกลุ่มผู้ร้องเรียนที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อเข้าตรวจสอบพื้นที่พิพาทข้างต้น หากพบว่า ราษฏรกลุ่มดังกล่าวได้เข้าครอบครองมาก่อน การมีคำสั่ง คสช. ที่ 66/2557 ลว. 17 มิ.ย. 57 และมีคุณสมบัติเป็นผู้ยากไร้ มีรายได้น้อย ไร้ที่ทำกิน ก็จะผ่อนผันให้เข้าทำกินต่อไปพลางก่อน จนกว่าจะมีมาตรการแก้ไขปัญหาในระยะยาวที่เหมาะสม

2) เนื่องจากพื้นที่พิพาทนี้ เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งแต่เดิมเป็นสวนป่าที่มีภาระผูกพันเนื่องจากปลูกโดยใช้งบประมาณของรัฐ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จึงเห็นว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เป็นไปได้ คือการให้ราษฎรเข้าร่วมโครงการปลูกป่าร่วมกับรัฐในลักษณะวนเกษตร อาทิเช่น ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง หรือโครงการสร้างป่า สร้างรายได้ ตามแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยให้ราษฎรที่มีคุณสมบัติเป็นผู้ยากไร้ ผู้มีรายได้น้อยและไร้ที่ดินทำกิน ซึ่งได้รับความเดือดร้อน สามารถเข้าทำประโยชน์ได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่นสามารถใช้ประโยชน์จากพืชผลทางการเกษตร โดยการอนุรักษ์ไม้ป่าที่ปลูกไว้ ก็จะสามารถผ่อนคลายความเดือดร้อนของราษฎรได้

 

 

เคลียร์ชัดๆ!! กรมอุทยานแห่งชาติฯ แจงนโยบายทวงคืนผืนป่า หลังชาวห้วยน้ำหินยืนหนังสือถึงผู้ว่าฯน่าน หวั่นกระทบปชช.เร่งสร้างความเข้าใจทุกฝ่าย!?!

 

 

อย่างไรก็ตาม กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปพบปะพูดคุยกับราษฎรที่เกิดปัญหาโดยตรงแล้ว เพื่อชี้แจงให้ทุกภาคส่วน ทราบว่า "นโยบาย ทวงคืนปืนป่า" ซึ่งเริ่มดำเนินการ มาตั้งแต่ เดือนมิถุนายน 2557 สามารถทวงคืนพื้นที่ป่าไม้กลับคืนมาให้กับชาติบ้านเมืองได้เป็นจำนวนมาก แต่หากเป็นผู้ยากไร้ ผู้มีรายได้น้อยและไร้ที่ดินทำกิน จะได้รับการผ่อนผันตามคำสั่ง คสช.ที่ 66/57 อยู่แล้ว ดังนั้นสาเหตุที่ราษฎรร้องเรียนนั้น ไม่ใช่เกิดจากนโยบายฯ แต่อาจเกิดจากความไม่เข้าใจ ซึ่งจะต้องเร่งรัดสร้างความเข้าใจให้กับราษฎรผู้เดือดร้อนและประชาชน ต่อไป