บทบาทเขาล่ะ ?!? ณัฐวุฒิ พล่านหนักอย่ายัดเยียดข้อหาโอ๊ค อ้างตอกลิ่มความขัดแย้ง โชว์วาทกรรม ความอยุติธรรมเป็นมรดกพี่สู่น้อง-พ่อสู่ลูก

จากกรณีรายงานข่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ โดยคณะพนักงานสอบสวนคดีฟอกเงินจากการอนุมัติเงินกู้ให้กับกลุ่มกฤษดาธานนท์ เปิดเผยการแจ้งข้อกล่าวหาในคดีฟอกเงินกับนายพานทองแท้ ชินวัตร กับพวกซึ่งพนักงานสอบสวนมีมติให้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดในคดีฟอกเงิน เนื่องจากคดีนี้ปปง.เป็นผู้เริ่มต้นคดีโดยมีหนังสือร้องขอให้ดีเอสไอตรวจสอบความเกี่ยวข้องกับวงเงิน 10 ล้านบาท และ 26 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อให้สำนวนคดีมีความสมบูรณ์ ปปง.จึงต้องร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อยืนยันความผิดของผู้มีชื่อรับเงินจากกลุ่มกฤษดาธานนท์ ให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า

       ทั้งนี้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ออกมากล่าวด้วยว่า พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งได้ร้องเรียนอ้างว่าถูกโยกย้ายไม่เป็นธรรม เนื่องจากไม่ตอบสนองคำสั่งเร่งรัดดำเนินคดี นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย นายทักษิณ ชินวัตร ในความผิดฐานฟอกเงินจากคดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยให้กลุ่มกฤษดาธานนท์ว่า เรื่องนี้ไม่ถือเป็นปัญหาส่วนตัวของ พ.ต.ท.สมบูรณ์ ในฐานะเจ้าพนักงาน และไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของ นายพานทองแท้ ของผู้ถูกกล่าวหา แต่เป็นเรื่องการใช้อำนาจกดดันกระบวนการยุติธรรม เพื่อเล่นงานบุคคลที่ถือเป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของผู้มีอำนาจหรือไม่

       “ในการพิจารณาคดีของศาล หากเห็นว่า พยานหลักฐานยังมีข้อน่าสงสัย ก็จะยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย แต่กรณี นายพานทองแท้ แม้ยังมีข้อไม่สมบูรณ์ หรือบางข้อหากหมดอายุความไปแล้ว ก็ยังจะยัดเยียดให้เป็นจำเลย เรื่องแบบนี้ต้องระมัดระวัง เพราะอาจเป็นการตอกลิ่มความขัดแย้งได้ ทั้งนี้ แม้ยังไม่มีข้อมูลส่วนใดชี้ว่าเกี่ยวข้องกับคนสำคัญในรัฐบาล แต่น่าห่วงว่า พอเป็นข่าวสังคมอาจเกิดความเคลือบแคลงสงสัย ส่วนตัวเห็นว่าควรมีคำอธิบายที่ชัดเจนต่อคำร้องทุกข์ของ พ.ต.ท.สมบูรณ์ และข้อสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา อย่าให้บ้านเมืองเกิดวิธีคิดว่า ความอยุติธรรมเป็นมรดกตกทอดจากพี่สู่น้อง จากพ่อสู่ลูกได้”