ร่างทรงในตำนาน...เปิดปริศนาปึงเถ้ากง ถึงแปะโรงสี! ...กับเบื้องหลังที่น้อยคนจะรู้ ดวงจิตวิญญาณที่ประทับร่างนั้นคือ ‘เจ้าน้อยมหาพรหม’

เปิดตำนาน อาแปะโรงสี ปริศนาปึงเถ้ากง น้อยคนนักที่จะได้รู้

ปริศนาปึงเถ้ากงถึงแป๊ะโรงสี

 (บทความพิเศษ โดย “ทิพยจักร”)

แป๊ะโรงสี

 

อาแป๊ะโรงสีผู้เขียนยันต์ฟ้าประทาน เป็นหนึ่งในผู้วิเศษชาวจีนที่มีผู้คนนับถือมากที่สุดท่านหนึ่งในยุคปัจจุบันโดยท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพเซียนที่ทำหน้าที่โปรดมนุษย์ในอดีตเจ้าสัวใหญ่ระดับประเทศก็เคยมาขอพึ่งบารมีจนกิจการรุ่งเรืองร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี แม้ปัจจุบันนี้ผู้ที่มาพึ่งบารมีท่านก็ยังได้อานิสงค์ถูกหวยบ้าง ได้รับความเจริญทางธุกิจบ้างอย่างน่าอัศจรรย์

 

ประวัติของแป๊ะโรงสีค่อนข้างลี้ลับ บางท่านเล่าว่าคราวหนึ่งเกิดพายุมีลมหอบร่างของท่านขึ้นไปบนฟ้าสามวันสามคืนเมื่อถึงเวลากลับลมก็หอบท่านกลับมา เมื่อกลับมาถึงบ้านท่านก็กลายเป็นผู้วิเศษเล่าลือกันว่าเซียนได้บันดาลลมประหลาดนี้มารับตัวท่านเพื่อรับเป็นศิษย์ประสิทธิประสาทวิชาเซียนให้

 

แป๊ะโรงสี

(ภาพยันต์ฟ้าประทาน จากบอร์ดพลังจิต)

 

กับอีกข้อหนึ่งคือแปะโรงสีเป็นร่างทรงคนจีนรู้แต่ว่าท่านเป็นร่างประทับของปึงเถ้ากง คำว่าปึงเถ้ากงเป็นคำกว้างๆแปลว่าเจ้าที่แต่เจ้าที่องค์ไหนที่มาประทับทรงแผ่บารมีแสดงฤทธิ์ผ่านร่างของอาแป๊ะท่าน

 

เมื่อย้อนดูประวัติตำนานของวัดศาลเจ้าจึงสืบได้ว่า เจ้าที่ผู้ทรงฤทธิ์มีความขลังความศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวนั้นไม่ใช่เจ้าที่ชาวจีนแต่เป็นดวงพระวิญญาณของกษัตริย์ทางเหนือหรืออาจเป็นมอญนามว่าเจ้าน้อยมหาพรหม

แป๊ะโรงสี

 

เจ้าน้อยมหาพรหมเป็นคนมีวิชาเข้มขลัง โดยเฉพาะการกำราบสัตว์ร้ายให้เชื่อง รวมไปถึงรักษาโรคภัยไข้เจ็บ สมัยนั้นเจ้าน้อยมหาพรหมลองวิชาอาคมโดยล่องมาตามลำน้ำชนะผู้มีวิชาดีมาหลายต่อหลายท่านทั้งพระและฆราวาส จนมาถึงวัดศาลเจ้า เจ้าน้อยมหาพรหมได้สงเคราะห์ขาวบ้านด้วยการาะกดจรเข้ที่ดุร้ายให้เชื่อง จากนั้นก็แสวงหาคนมีวิชาเพื่อลองของ

 

เจ้าน้อยมหาพรหมได้พบกับพระอาจารย์รุเกจิชาวมอญ ปฐมเจ้าอาวาสวัดศาลเจ้าก็ขอลองวิชา

 

พระอาจารย์รุแสดงวิชาหลายอย่างเช่นเสกใบมะขามเป็นตัวต่อตัวแตน ถากขาออกมาเป็นดุ้นฟืน จนเจ้าน้อยมหาพรหมยอมแพ้และนับถือเป็นครูบาอาจารย์

 

เจ้าน้อยมหาพรหมไม่กลับขึ้นเหนือไปยังบ้านเมืองของตนแต่ขอฝากตนเป็นศิษย์พระอาจารย์รุจนสิ้นใจ

 

เมื่อเจ้าน้อยมหาพรหมสิ้นแล้วพระอาจารย์รุจึงเริ่มสร้างเจว็ดเจ้าที่เป็นรูปกษัตริย์ประทับยืนถือพระขรรค์ ศิลปะเชิงช่างแบบมอญ นี่คือจุดกำเนิดเริ่มแรกของศาลศักดิ์สิทธิ์แห่งวัดศาลเจ้า ปทุมธานีที่คนในปัจจุบันอาจหลงลืมตำนานนี้กันไปแล้ว

 

ต่อมาเมื่อชาวจีนมามากขึ้นก็ทะนุบำรุงศาลปรับปรุงศาลด้วยศิลปะแบบจีนและรู้จักเจ้าที่ในนามปึงเถ้ากง ส่วนนามของเจ้าน้อยมหาพรหมก็เริ่มเลือนลงไป

 

แป๊ะโรงสีสามารถ สื่อสัมผัสกับเจ้าน้อยมหาพรหมในนามปึงเถ้ากงของคนจีนและได้แสดงบุญญานุภาพแห่งเจ้าน้อยมหาพรหมโปรดผู้คนทั้งหลายทั้งรักษาโรค ไล่ผีปลดหนี้บันดาลโชคลาภ ทำให้กิจการเจริญรุ่งเรืองสืบมา

แป๊ะโรงสี

(ภาพเจว๊ดเจ้าน้อยมหาพรหมที่มาของปึงเถ้ากงที่ประทับร่างแป๊ะโรงสี)

ทุกวันนี้บารมีของแป๊ะโรงสี ปึงเถ้ากงหรือเจ้าน้อยมหาพรหมแผ่ไพศาลผู้ที่กราบไหว้ขอพรต่างได้รับโชคลาภ วัตถุมงคลต่างๆล้วนมีอานุภาพคุ้มครองและบันดาลโชค ไม่ว่ารุ่น ใหม่รุ่นเก่า ใครที่มีไว้ต่างถือว่ามีของดีเกื้อหนุนตัวเอง การไหว้ขอพรอาแป๊ะโรงสีจริงๆนั้นควรอธิษฐานตั้งสัจจะกินเจถวายเป็นเวลาหนึ่งวันบ้างสามวันบ้างเจ็ดวันบ้าง จะทำให้ประสบผลสำเร็จดีที่สุด ข้อนี้นับเป็นเคล็ดลับในการขอพรท่านที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้

 

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องได้ที่ : แค่ภาพถ่ายท่านโดยที่ยังไม่ต้องปลุกเสก ไปให้คนที่ถูกผีเข้าดูผีกระเจิงทุกรายไป..เซียนแปะโรงสี ชาวจีนเมตตาผู้คน ชอบกินหมากพลู.