11 กันยายน 2560 ครบรอบ 16 ปี เหตุการณ์ช็อกโลกกับเหตุการณ์ วินาศกรรมตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เมื่อ วันที่ 11 กันยายน 2544

ปาหี่โกหกคำโตที่สุดในโลก จากเหตุการณ์ 9/11 สู่ การตายของบินลาเดน ที่อเมริกา หลอกว่าเป็นฮีโร่ฆ่า บินลาเดน

11 กันยายน 2560 ครบรอบ 16 ปี เหตุการณ์ช็อกโลกกับเหตุการณ์ วินาศกรรมตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เมื่อ วันที่ 11 กันยายน 2544 ซึ่ง จากเหตุการณ์วันนั้น จะพาผู้อ่านทุกท่านไปพบกับบทความจากเพจแฉ...ความลับ ที่ได้เขียนเอาไว้ ตอนครบรอบ 14 ปี อย่างน่าสนใจดังต่อไปนี้ ....

 

 

ปาหี่โกหกคำโตที่สุดในโลก จากเหตุการณ์ 9/11 สู่ การตายของบินลาเดน ที่อเมริกา หลอกว่าเป็นฮีโร่ฆ่า บินลาเดน


วันที่ 11 พฤษภาคม 2558 เพจแฉ..ความลับ โดยเสธน้ำเงิน เปิดโปงการโกหกอย่างเป็นระบบของสหรัฐอเมริกาต่อการเสียชีวิตของ โอซามา บิน ลาเดน ซึ่งรายละเอียดมีดังนี้

จากกรณีเหตุการณ์ 9/11 วินาศกรรมระเบิดตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เมื่อปี 2544 นั้น เวลาผ่านไป 14 ปี ความจริงทั้งหลายก็ค่อยๆ เปิดเผยออกมาเรื่อยๆ ว่าผู้อยู่เบื้องหลังบงการเรื่องนี้คือ หน่วยมอสสาด ของอิสราเอล , ทางการซาอุฯ โดยการอำนวยความสะดวกของ CIA อเมริกา

มีการประชุมวางแผนกันหลายครั้งก่อนลงมือ ระหว่างทางการซาอุฯ กับ บินลาเดน ที่แท้จริงแล้วเขาทำงานให้กับ CIA อเมริกาในช่วงนั้น เพื่อสร้างฉากว่าเป็นการก่อการร้ายระดับโลก เอกสารที่ส่งให้กับศาลในนครนิวยอร์ก อเมริกา ระบุว่า นายซาคาเรียส มุสซาอูอี สมาชิกกลุ่มอัลกออิดะฮ์ ได้เข้าเรียนการบินที่รัฐมิเนโซตา

และเขาเป็นผู้หนึ่งที่ถูกวางแผนการเอาไว้ให้ขับเครื่องบินโบอิ้ง 747 เข้าชนทำเนียบขาว เขาถูกจับกุมในช่วงหลายสัปดาห์ ก่อนเกิดเหตุการณ์ 9/11 ด้วยข้อหาลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฏหมาย และอยู่ในเรือนจำขณะที่มีการโจมตีก่อการร้าย เขาเป็นผู้ต้องหาเพียงรายเดียวในคดีก่อเหตุวินาศกรรม 11 กันยายนปี 2544

และถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำซูเปอร์แมกซ์ ในเมืองฟลอเรนซ์ มลรัฐโคโลราโดของสหรัฐฯ เอกสารรับสารภาพระบุว่า สมาชิกราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง โดยเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณการก่อเหตุ เขาเคยได้พบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซาอุดิอาระเบีย ซึ่งทำงานที่สถานทูตสหรัฐในอัฟกานิสถาน

หลังจากนั้น ทั้งสองมีแผนจะเดินทางมายังกรุงวอชิงตัน เพื่อหาสถานที่เหมาะสม ต่อการโจมตีเครื่องบินประจำตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐด้วยขีปนาวุธ เขาเคยจัดให้มีการหารือ ระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซาอุฯ และโอซามา บินลาเดน หัวหน้ากลุ่มอัลเคด้า ในขณะนั้นด้วย

เขายังเป็นผู้จัดทำฐานข้อมูลของผู้บริจาคเงินสนับสนุน และในจำนวนนั้นมีสมาชิกราชวงศ์ซาอุฯ รวมอยู่ด้วยหลายราย นายมุสซาอูอี ระบุว่าเจ้าชายเจ้าชายเตอร์กี อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองซาอุดีอาระเบีย เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซาอุดีอาระเบีย ที่ร่วมสนับสนุนเงินทุนให้กับกลุ่มอัลกออิดะฮ์มาตั้งแต่ช่วงปลายยุค ค.ศ.1990 ต่อมาทางการซาอุดิอาระเบีย ได้พยายามให้มีการถอนฟ้องมาหลายครั้งเพื่อปิดปาก

เหตุการณ์ 9/11 ที่ฉากหน้ามีการใช้เครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรด ของอเมริกา แต่ฉากหลังนั้นเป็นที่รู้กันวงในมานานแล้ว ว่ามีการวางระเบิดใต้ฐานตึก จนตึกระฟ้ารูดทรุดลงมา เป็นการถล่มแบบ Free Fall กองกับพื้นอย่างง่ายดาย ทั้งๆ ที่ไฟไหมตึกชั้นบนยังไม่นานเท่าไร หลังเหตุการณ์ตรวจพบร่องรอย "หินหลอมเหลว" ที่ปรากฎใต้ซากตึกเวิลด์เทรด

การหลอมละลายซะขนาดนี้ และพบมีการใช้สารเทอร์ไมด์ ที่สามารถทำให้เกิดความร้อนถึง 2,500 องศา มีคุณสมบัติหลอมละลายฐานตึกได้อย่างง่ายดาย มีการตรวจพบสารนี้ในภายหลังแต่ปิดเงียบกริบ ซึ่งมีเพียงจากระเบิดนิวเคลียร์ชนิด Fission Weapons ชนิด A-Bomb ที่เป็น Tactical Nuke ขนาดเล็กแบบหนึ่ง ที่ทำให้เกิดความร้อนสูงจนสามารถ หลอมละลายหิน และปูนใต้ฐานตึกได้

 

 

ปาหี่โกหกคำโตที่สุดในโลก จากเหตุการณ์ 9/11 สู่ การตายของบินลาเดน ที่อเมริกา หลอกว่าเป็นฮีโร่ฆ่า บินลาเดน

 

 

เหตุการณ์ 9/11 เครื่องบินพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดครั้งนั้น มีคนตายไปกว่า 5,000 คน เกี่ยวพันอิลลูมินาติใหญ่ ในรัฐบาลมะกันหลายคนสั่งการ และเกี่ยวพัน มีการวางระเบิดที่ฐานตึกล่วงหน้า ใช้สารเคมีที่ทำให้เหล็กโครงสร้างละลาย มีการทำประกันภัยวงเงินสูงลิ่ว ล่วงหน้าไม่กี่วัน มีการขนทรัพย์มีค่า ออกไปก่อนการระเบิด

และมีการเชื่อมโยง ประชุมร่วมมือแบ่งงานกันทำกับทางการซาอุฯ ต่อมามีนักข่าวอเมริกา 4 คน ตั้งบริษัทโปรดักชั่นขึ้นมา โดยเซ็นต์สัญญาลับ เพื่อรับข้อมูลแฉ จากรัสเซีย โดยทำเป็นสกู็ป รายงานข่าว ต่อมานักข่าวใหญ่ดังระดับโลก 3 ใน 4 คนนั้น ตายปริศนาภายในวันเดียวกัน โดยตายด้วยสาเหตุต่างกัน

คือ อุบัติเหตุทางรถยนต์ 1 คน หัวใจวายตายเฉียบพลัน 2 คน , เหลืออีกคนเดียว เขาถูกถอดออกจากรายการเอาดื้อๆ กรณีรายงานข่าวการโจมตีซัดดัม ในอิรัก เมื่อ 10 ปีก่อน ?? นักข่าวทั้ง 4 คนแค่ต้องการรับข้อมูลจากรัสเซีย มาแฉให้คนอเมริกาในประเทศรู้ว่าเหตุการณ์ 9/11 นั้นรัฐบาลมีส่วนเกี่ยวพัน จนนำไปสู่สงครามในอาฟกานิสถาน และอิรัก

จนหมดงบประมาณประเทศไปมากมายมหาศาล กับการซื้ออาวุธไปทิ้งต่างประเทศ จนบัดนี้สงครามก็ยังคงอยู่ต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของโลก มีรายงานว่า ประธานาธิบดีปูติน รัสเซีย มีหลักฐานข้อมูลจากดาวเทียม ที่สามารถชี้ชัดพิสูจน์ได้ว่า รัฐบาลอเมริกา คือ ผู้อยู่เบื้องหลัง ในเหตุการณ์ 9/11 โดยรัสเซีย ระบุว่ารัฐบาลอเมริกา "ฆ่าประชาชนตนเอง" กว่า 5,000 คน

แล้วหลอกลวง ต้มตุ๋น พลเมืองตนเอง เพื่อ "ก่อการร้าย" แทรกแซงทางการทหาร ในต่างประเทศ หากปูติน ทำการปล่อยหลักฐานออกมาอย่างเป็นระบบ จะสร้างความเกลียดชังรัฐบาลอเมริกา ต่อพลเมืองได้อย่างมากถึงขั้นก่อการจราจลที่รุนแรง เพราะเรื่อง " สังหารหมู่พลเมืองตนเอง" จำนวน มากแบบนี้เกินกว่าที่คนอเมริกันจะรับได้

 

ปาหี่โกหกคำโตที่สุดในโลก จากเหตุการณ์ 9/11 สู่ การตายของบินลาเดน ที่อเมริกา หลอกว่าเป็นฮีโร่ฆ่า บินลาเดน

ล่าสุด มีการเปิดโปง “แฉช็อกโลก” ความจริงว่า ประธานาธิบดีโอบามา ผู้นำมะกัน “โกหกคำโต” หลอกลวงชาวโลก ในเหตุการณ์สังหาร นายโอซามา บิน ลาเดน ป้องกันปากโป้ง กรณี 9/11 และหวังเรียกเรตติ้งคะแนนนิยมทางการเมืองก่อนเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิปดีอเมริกา สมัยที่ 2

 

ปาหี่โกหกคำโตที่สุดในโลก จากเหตุการณ์ 9/11 สู่ การตายของบินลาเดน ที่อเมริกา หลอกว่าเป็นฮีโร่ฆ่า บินลาเดน

 

ในเหตุการณ์สังหารนายโอซามา บิน ลาเดน หัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายอัล เคดา และ CIA คนสำคัญ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2554 ซึ่งหลบซ่อนอยู่ในคฤหาสน์ ซึ่งมีระบบป้องกันภัยอย่างแน่นหนา ที่เมืองอับบอตตาบัต ในปากีสถานนั้น ภาพที่อเมริกา สร้างผ่านหนังบอกชาวโลก คือ เพียรพยายามไล่ล่า หาตัวบิน ลาเดน มานานนับ 10 ปี

นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วินาศกรรม 9/11 และรัฐบาลอเมริกา อ้างต่อชาวโลกว่า สหรัฐฯ ดำเนินปฏิบัติการนี้อย่างเป็นความลับสุดยอด แม้แต่รัฐบาลปากีสถาน ก็ไม่บอกแพร่งพรายให้รู้..ซึ่งตรงข้ามกับความเป็นจริง เพราะรัฐบาลปากีสถาน ได้ควบคุมตัว บิน ลาเดน ไว้ในบ้านพักหลังนี้ ที่เมืองอับบอตตาบัต มาเป็นเวลาหลายปีแล้วตั้งแต่ปี 2549

เพื่อคานอิทธิพลกับกลุ่มตาลีบันและอัลกออิดะห์ในพื้นที่ , อเมริกา ปล่อยข่าวว่า บินลาเดน ยังมีอำนาจสั่งการกลุ่มอัลกออิดะห์ แต่เจ้าหน้าที่ปากีสถานแฉว่า บินลาเดนอยู่ในสภาพป่วยหนักอยู่แล้ว ไม่มีแรงแทบจะเดินไหว ต่อมาเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองระดับสูงคนหนึ่ง ของปากีสถานนำความลับนี้มาบอกสำนักงานข่าวกรองกลางของ ( CIA) อเมริกา

เพื่อหวังจะได้เงินรางวัลนำจับ บิน ลาเดน ที่สหรัฐฯ ตั้งไว้สูงถึง 815 ล้านบาท ทำให้ CIA รู้ตำแหน่งของ นายบิน ลาเดน ว่า พำนักอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลโอบามา อเมริกา เห็นช่อทางนำเรื่องนี้มาใช้เรียกคะแนนนิยมหาเสียงทางการเมืองก่อนที่ โอบามา จะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2

จึงได้มีการเจรจาหารือกับรัฐบาลปากีสถาน และเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง จากหน่วยข่าวกรองปากีสถาน (ISI) เกี่ยวกับการบุกจู่โจมตัว บิน ลาเดน เพียงไม่กี่ชั่วโมง ที่ทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (SEAL) ของสหรัฐฯ จะบุกจู่โจมเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว หน่วยข่าวกรองปากีสถาน ได้ดำเนินการ “ตัดไฟ” ที่เมืองอับบอตตาบัต

เพื่อไม่ต้องการให้ทหารปากีสถาน เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ส่งผลให้เมืองตกอยู่ในความมืด จากนั้นทหารหน่วยซีล จึงบุกจู่โจมเข้าไปในบ้าน เหล่าทหารปากีสถาน ได้รับคำสั่งให้ออกไปจากบ้านที่ควบคุมตัวบิน ลาเดน ทันทีที่ได้ยินเสียงใบพัดของเฮลิคอปเตอร์กองทัพสหรัฐฯ

และความจริงแล้วไม่ได้มีการยิงต่อสู้ตามที่รัฐบาลโอบามารายงาน มีเพียงแต่การใช้กระสุนไม่กี่นัด ยิงปลิดชีพ บิน ลาเดน เท่านั้น หน่วยซีลอเมริกา ปฏิบัติการเยี่ยงการฆาตกรเตรียมการไว้ก่อน เพื่อสร้างภาพว่าจำเป็นต้องสังหารบุคคลที่เป็นภัย ทั้งๆ ที่ยิงแค่คนป่วยหนักเท่านั้น และร่างของบิน ลาเดน ไม่ได้ถูกนำไปทิ้งในทะเล ตามที่ทางการสหรัฐฯ อ้าง

แต่ความจริงแล้ว ศพของบิน ลาเดน เพียงแยกชิ้นส่วนทิ้งตามพื้นที่ต่างๆ เช่น ศีรษะกับลำตัวถูกยัดใส่ถุง และใช้เฮลิคอปเตอร์ปล่อยทิ้ง ในเมืองจาลาลาบัด ของอัฟกานิสถาน และยังมีอวัยวะร่างกายบางส่วน กระจายอยู่ตามเทือกเขาฮินดูกูช ในอัฟกานิสถานนั่นเอง

ประธานาธิบดี โอบามา ได้ปิดบังความจริงในการบุกจู่โจมสังหารบิน ลาเดน เพื่อหวังจะเรียกคะแนนนิยมทางการเมือง เพราะมีขึ้นเพียงปีเดียว ก่อนที่โอบามาจะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ในปี 2555 ดังนั้น จากเหตุการณ์ก่อวินาศกรรม 9/11 เมื่อ 14 ปีที่แล้ว และการสังหารบิน ลาเดนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว

 

ปาหี่โกหกคำโตที่สุดในโลก จากเหตุการณ์ 9/11 สู่ การตายของบินลาเดน ที่อเมริกา หลอกว่าเป็นฮีโร่ฆ่า บินลาเดน

อเมริกาใช้สื่อใหญ่จากยิวไซออนิสต์ และหนังฮอลีวู๊ด ของบรรดาาผู้สร้างภาพชาวยิว ลอกลวงตบตาคนทั้งโลก ได้อย่างหน้าตาเฉย นี่จึงเป็นที่มาของผลโพลสำรวจความคิดเห็นคนอเมริกัน มากถึง 62 % ว่า “พวกเขาถูกควบคุมความคิด และละเมิดเสรีภาพ” โดยรัฐบาลอเมริกาเอง