- 16 ก.ย. 2560
http://deeps.tnews.co.th
จากกรณีสำนักพระราชวังประกาศ เรื่อง การเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ความว่า “ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2559 นั้น
บัดนี้ สำนักพระราชวังจะดำเนินการจัดเตรียมการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ จึงขอเปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ในวันที่ 30 กันยายน 2560 เป็นวันสุดท้าย จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน”
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2559 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงขั้นตอนพระราชพิธีราชาภิเษกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลถามสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารว่า การพระบรมศพจะใช้เวลานานเท่าไหร่ เพราะเกี่ยวกับการสร้างพระเมรุ จะต้องใช้เวลาสักระยะในการดำเนินการตามธรรมเนียมราชประเพณีการถวายพระเพลิง และโดยปกติจะไม่ทำกันในหน้าฝน จากการเทียบกับโบราณประเพณีในอดีต ท่านได้มีพระราชบัณฑูรว่า เรื่องหน้าฝนอะไรนั้นก็เรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของช่างไปว่ากันเอง แต่น่าจะมีการบำเพ็ญพระราชกุศล กว่าจะถึงเวลาออกพระเมรุก็คงใช้เวลาประมาณ 1 ปีเป็นอย่างน้อย ตรงนี้ถือเป็นพระราโชบายที่รัฐบาลต้องทราบ เพื่อจะได้มาดำเนินการถูก ถ้าเร็ว งานสร้างพระเมรุก็ต้องเร็ว
“สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นผู้บัญชาการในพระราชพิธีพระบรมศพ และทรงใส่พระทัยเป็นอย่างมาก ซึ่ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้รับสั่งต่อนายกรัฐมนตรีว่า ช่วงนี้อย่างน้อยให้อยู่เป็นปกติ เหมือนกับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ยังทรงสถิตอยู่ อย่าทำให้รู้สึกเหมือนแผ่นดินว่างเปล่าและอย่าทำให้ทุกอย่างเหมือนเป็นอดีตเร็วนักเลย เก็บไว้ให้เป็นปัจจุบัน เรื่องอย่างนี้ เราเป็นลูก เราเป็นหลาน เราเป็นญาติ เราก็คงเคยทำอย่างนี้กับพ่อกับแม่ คู่สมรส และคนรักของเราที่เสียชีวิต เหมือนบางครั้งที่เรากินข้าว แล้วตั้งเก้าอี้ แล้วเรียกแม่เรียกพ่อ ซึ่งยังไม่ทันจบประโยค นายวิษณุ ได้ร้องไห้ และยุติการให้สัมภาษณ์ทันที”
และย้อนไปเมื่อเวลา 21.40 น. ของวันที่ 13 ต.ค. ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงภายหลังการประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ในนามของนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และคสช. ขอแสดงความเสียใจกับประชาชนทั้งประเทศไปด้วยกัน เราอยู่ในวาระที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นเราต้องทำทุกอย่างให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
“โดยเมื่อหัวค่ำวันเดียวกันนี้ตนได้เข้าเฝ้าฯสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงรับสั่งไว้ว่า ท่านทรงรับพระราชทานเป็นองค์รัชทายาทอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่ท่านทรงขอเวลาทำพระทัย และแสดงความเสียใจ ร่วมกับประชาชนทั้งประเทศไปก่อนในระยะเวลานี้ และท่านขอเวลาสำหรับกระบวนการของกฎหมายในการอัญเชิญขึ้นสืบราชสมบัตินั้นให้รอเวลาที่เหมาะสม โดยหลังจากที่พระองค์ทรงทำพระทัยแสดงความเสียใจร่วมกับประชาชนและทรงนึกถึงพระราชบิดา”