- 21 ก.ย. 2560
ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th
สืบเนื่องจากการที่สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย มีการออกแถลงการณ์เรื่อง ขอให้ปล่อยตัว พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท โดยระบุว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐนิมนต์พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท ออกจากวัดที่จังหวัดสงขลา เพื่อไปทำการสอบสวนให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ ที่ค่ายเสนาณรงค์ หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงรู้สึกกังวลต่อสวัสดิภาพความปลอดภัย รวมถึงเป็นห่วงเกี่ยวกับการปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัย ที่พระทุกรูปต้องปฏิบัติขณะเข้าพรรษา จึงเรียกร้องขอให้มีการปล่อยตัวท่านพระมหาอภิชาต เพื่อเป็นการให้เกียรติต่อพระสงฆ์ไทย
ปรากฏว่าต่อมาทางศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศ ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลวา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท ไปที่วัดเบญจมบพิตร ก่อนให้ลาสิกขา ณ พระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตร โดยมีพระราชกิตติเวที ปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าอาวาส และพระครูพิทักษ์รัตนวงศ์ เจ้าคณะแขวงดุสิตเป็นพยานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยเหตุผลที่นำไปสู่การคุมตัว พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท จากวัดดอกสร้อย ในอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา มาดำเนินการลาสิกขา มีรายงานข่าวว่าเป็นผลมาจากการที่ พระมหาอภิชาต ถือว่ามีพฤติกรรมเป็นภัยต่อความมั่นคง เนื่องจากมีการแสดงความเห็นทางเฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์ศาสนาอิสลามอย่างรุนแรง สร้างความเกลียดชังระหว่างศาสนา และเคยมีการแจ้งความดำเนินคดีกันมาแล้วหลายครั้ง
นอกจากนั้ยังเคยแสดงวาจาข่มขู่ พันตำรวจโท พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ที่ถูกย้ายจากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไปเป็นผู้ตรวจราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี ดูแลพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมาด้วย
ล่าสุด พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า ถึงอาตมาจะไม่เห็นด้วยกับแนวทางและวิธีการคิดของพระมหาอภิชาติ ที่มีต่อประเด็นความขัดแย้งทางศาสนา แต่กับพฤติกรรมอันจะกล่าวว่าเลวทรามยังน้อยไป ของเจ้าหน้าที่รัฐในครั้งนี้ ที่กระทำการหักหาญน้ำใจชาวพุทธอย่างถึงที่สุด ด้วยการควบคุมตัวและบีบบังคับให้พระมหาอภิชาติต้องลาสิกขาสละสมณเพศ ในระหว่างที่ยังอยู่จำพรรษา โดยมิได้กระทำอย่างเปิดเผย และโปร่งใส หรือให้โอกาสท่านได้ต่อสู้และชี้แจง ตามกระบวนความยุติธรรม อย่างที่ท่านควรจะได้รับ
อาตมาจึงขอประกาศแสดงความประณาม ด้วยความรู้สึกสลดสังเวชและเวทนา ต่อเจ้าหน้าที่รัฐทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้อำนาจหน้าที่อย่างเกินเลยและป่าเถื่อน ต่อท่านพระมหาอภิชาติ จนมีผลทำให้ท่านต้องสละสมณเพศในคราวนี้ และขอให้ผลของกรรมที่พวกท่านได้ก่อขึ้น จงส่งผลย้อนสนองถึงพวกท่านทุกคนในเร็ววัน ...
อย่างไรก็ตามกับแง่มุมความเห็นส่วนตัวที่ พระมหาไพรวัลย์ นำมาอ้างนั้นก็มีเพจนักกฎหมาย "นักกอดหมอนออนไลน์" ให้ความเห็นที่สวนทางอย่างสิ้นเชิง โดยระบุข้อความว่า "การอยู่ระหว่างพรรษามิใช่ข้ออ้าง หากภิกษุถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญาก็สามารถสึกได้ตาม พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๒๙ ซึ่งแม้มิใช่ความผิดอาญาแต่การกระทำของอดีตภิกษุรูปนี้ก็มิสมควรอยู่ในสมณเพศเพราะสร้างความแตกแยกปลุกปั่นชาวพุทธหัวรุนแรง เป็นที่ติเตียน ไม่เหมาะสมยิ่งเป็นภิกษุยิ่งต้องถูกตำหนิเป็นโลกวัชชะ ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๑ (พ.ศ. ๒๕๓๘) ข้อที่ ๔ ก็สามารถให้ลาสิกขาได้ @๒๗๗"