ย้อนรอย ค้นบ้าน สองอดีต ผอ.สำนักพุทธ ร่ำรวยผิดปกติ เชื่อมโยงเงินทอนวัด

วันที่ 21 ก.ย. เวลา 07.21 น. พ.ต.อ.แมน รัตนโมรา ผกก. (สอบสวน) บก.ปปป.พร้อมกำลังนำหมายค้นเข้าตรวจค้น บ้านของนายพนม ศรศิลป์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) ย่านพุทธมณฑลสาย 4 ตำบลกระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม โดยนายพนม ศรศิลป์ มีสีหน้ายิ้มแย้ม และขอหมายค้นเข้าไปอ่านในบ้าน

ย้อนรอย ค้นบ้าน สองอดีต ผอ.สำนักพุทธ ร่ำรวยผิดปกติ เชื่อมโยงเงินทอนวัด

ซึ่งก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ ปปป.ได้ตรวจสอบพบว่ามีการโอนเงินซื้อหุ้นสหกรณ์แห่งหนึ่งและมีการซื้อทองสะสมไว้ มีพฤติการณ์เชื่อว่าร่ำรวยผิดปกติ และเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัด จึงเป็นที่มาของการเข้าตรวจค้นบ้านนายพนมในครั้งนี้ จากการค้นเบื้องต้นพบ พบเอกสารรายชื่อวัดในเขต กทม. และวัดในเขตพื้นที่ปริมณฑลกว่า 10 วัด รวมทั้งหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับเงินทอนวัด บัญชีธนาคารฯ มีเงินหมุนเวียนจำนวนมาก เงินสดจำนวนหนึ่ง

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาต่อนายพนม 2 ข้อหา คือ ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเบียดบังทรัพย์สินของรัฐเป็นของตัวเอง ตามมาตรา 147 ประมวลกฎหมายอาญา นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังเข้าตรวจค้นบ้านพักของ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี และเตรียมเปิดตู้เซฟเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินด้วย

โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 มิย. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัมน์ รอง ผบก.ปปป. พ.ต.อ.วสันต์ เกศะรักษ์ ผกก.3 บก.ปปป. และ ตำรวจกองปราบปราม ทหาร นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 95 หมู่ 11 ต.ช้างมิ่ง อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ซึ่งเป็น 1 เป้าหมาย ใน 10 จุด ทั่วประเทศ ที่เป็นเครือข่ายของนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของนางชมพูนุท จันฤาชัย ซึ่งเป็นภรรยาคนที่ 2 ของนายนพรัตน์ เบญวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งจากข้อมูลการสอบสวน พบว่านางชมพูนุท มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริต เมื่อปี 2557 วัดพนัญเชิงวรวิหารไม่ได้จัดทำคำขอบูรณปฎิสังขรณ์วัดแต่อย่างใด แต่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยนางประนอม คงพิกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แจ้งให้ทราบว่าจะโอนเงินงบประมาณมาให้กับวัด จำนวน 10,000,000 บาท และวัดจะได้เงินจากจำนวนนี้ 2,000,000 บาท โดยให้ทางวัดโอนเงินกลับคืนจำนวน 8,000,000 ให้กับนางประนอม โดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของนางชมพูนุท จันฤาไชย เพื่อนำไปใช้ในกิจการของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

 

 

ย้อนรอย ค้นบ้าน สองอดีต ผอ.สำนักพุทธ ร่ำรวยผิดปกติ เชื่อมโยงเงินทอนวัด

จากการเข้าตรวจสอบนี้หากย้อนไปเมื่อวันที่ 25 ก.พ.ได้มีคำสั่งจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.โดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 รัฐธรรมนูญชั่วคราว ให้นายพนม ศรศิลป์ พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กลางศึกวัดพระธรรมกายที่ยังร้อนระอุอยู่ หลังอัยการคดีพิเศษมีความเห็นควรสั่งฟ้องพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในคดีพิเศษที่ 27/2559 ในฐานความผิดสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร ในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด จนทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น และให้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้บังคับการสำนักคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาดำรงตำแหน่งแทน

ซึ่งหลังจากได้เข้ารับตำแหน่ง ผู้อํานวยการสํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ก็ได้เดินหน้าตรวจสอบขบวนการทุจริตงบประมาณอุดหนุนวัดต่างๆอย่างต่อเนื่อง จนเรียกได้ว่าสะเทือนไปทั้งบางกันเลยทีเดียว อย่างเช่น การร่วมกับทางด้าน ตำรวจปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. นำกำลังเข้าตรวจค้น 10 จุดในหลายจังหวัด เพื่อตรวจค้นบ้านพักข้าราชการระดับสูง สังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และเครือข่าย เพื่อค้นหาเอกสารที่เชื่อมโยงกับการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรณ์วัด ของ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)  หลังตรวจพบว่ามีวัดที่ร่วมทุจริต 12 แห่ง สร้างความเสียหายแก่รัฐกว่า 60.5 ล้านบาท  

นอกจากนั้นแล้วทางด้าน สำนักงานตรวจสอบพิเศษภาค 15 สำนักงานตรวจสอบเงินแผ่นดิน ได้ขยายผลตรวจสอบการทุจริตการเรียกรับเงินคืนจากงบประมาณอุดหนุนวัดในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่อง หลังพบเบาะแสครั้งแรกที่ จ.สงขลาเมื่อตั้งแต่เดือน  สิงหาคม 2558 ล่าสุดผู้อำนวยการสำนักงานตรวจสอบพิเศษภาค 15 ระบุว่าผลการตรวจสอบย้อนหลังปีงบประมาณ 2557-2558 พบมีการทุจริตหลายโครงการทั้งโครงการบุรณะปฏิสังขรณ์, โครงการครอบครัวอบอุ่นด้านการปฏิบัติธรรม และงบประมาณส่งเสริมความมั่นคงสถาบันพุทธศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น โดยพบเจ้าหน้าที่จากสำนักพระพุทธศาสนาฯ และผู้ร่วมกระทำผิดมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณและเรียกคืนจากวัดเป็นเงินทอนเริ่มต้นร่วม 100 ล้านบาท จากงบประมาณทั้งสิ้น 218 ล้านบาท และเกิดขึ้นกับวัดมากกว่า 80 แห่งใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

จากการเดินหน้าตรวจสอบเรื่องทุจริตเงินทอนวัด จนไปสู่การนำเสนอให้มีการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของวัดต่างๆ จากทางคณะกรรมการธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกีฬา ศิลปะ วัฒนธรรม การศาสนา คุณธรรม และจริยธรรม สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เรื่อง การพัฒนาระบบการบริหารทรัพย์สินของวัดให้เป็นไปตามมาตรฐานตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านวัฒนธรรม เพื่อบริหารจัดการทรัพย์สินของวัดให้ถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใส และตรวจสอบได้