ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th

จากกรณีศาลอาญาธนบุรีนัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่นายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ พ่อค้าขายข้าวเหนียวไก่ทอด ในจังหวัดนครพนม ตกเป็นจำเลยในคดีหน่วงเหนี่ยวกักขังและร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ ซึ่งเป็นเพชรมูลค่า 15.8 ล้านบาท เหตุเกิดในท้องที่สน.บางเสาธง โดยระหว่างการพิจารณาคดีนายพิสิษฐ์ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษธนบุรี

       ทั้งนี้พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า สำหรับคดีที่ร้องขอความเป็นธรรมว่าตำรวจอาจจับผู้ต้องหาผิดตัวในคดีวิ่งราวเพชร 15.8 ล้านบาทนั้น มีประเด็นที่เป็นข้อสงสัยว่า ผู้ต้องหาอาจมีชื่อสกุลซ้ำกันในทางทะเบียน นอกจากนี้จำเลยในคดียังมีหลักฐานยืนยันว่าในวันเกิดเหตุ ก่อนที่จะมีการวิ่งราวเพชร 1 ช.ม. จำเลยได้เข้ารับการรักษาพยาบาลในคลินิกแห่งหนึ่งใน จ.นครพนม จึงเป็นข้อพิรุธว่าไม่สามารถเข้ามาก่อเหตุวิ่งราวเพชรในกรุงเทพฯได้หรือไม่ นอกจากนี้ภรรยาของจำเลยยังได้นำภาพถ่ายยืนยันว่าสามีถูกทำร้ายร่างกายขณะถูกนำตัวไปสอบสวนในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ตนจึงมอบให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอตรวจสอบประวัติการตรวจร่างกายขณะรับตัวจำเลยไปยังเรือนจำพิเศษธนบุรี พร้อมลงพื้นที่รวบรวมหลักฐานทั้งหมด

 

       “ ดีเอสไอ ได้ลงพื้นที่เก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อใช้เป็นข้อต่อสู้ให้กับนายพิสิษฐ์ โดยคดีนี้ตำรวจใช้หลักฐานเลขที่บัตรประชาชนในการยื่นขอจดทะเบียนซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ ซึ่งตรวจสอบพบว่าจดทะเบียนในชื่อของนายพิสิษฐ์เป็นหลักฐานสำคัญในการขออนุมัติหมายจับ ต่อมาดีเอสไอพบหลักฐานน่าเชื่อว่าสำเนาบัตรประชาชนของนายพิสิษฐ์ ถูกนำไปใช้ในการยื่นจดทะเบียนขอหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นหมายเลขที่คนร้ายนำไปใช้ติดต่อกับผู้เสียหายแล้วก่อเหตุวิ่งราวเพชร ส่วนโทรศัพท์ที่นายพิสิษฐ์ใช้งานจริงเป็นอีกหมายเลขหนึ่ง

งามไส้อีกแล้ว!!! ศาลยกฟ้อง พ่อค้าข้าวเหนียวไก่ทอด ฉกเพชร15ล้าน ติดคุกฟรี หลังเมียร้องDSIช่วยพบตร.จับผิดตัวพาซ้อมรีสอร์ทบังคับให้สารภาพ(คลิป)

       นอกจากนี้ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ยังกล่าวอีกว่า ปรากฎหลักฐานสำคัญว่าขณะที่นายพิสิษฐ์ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ สำเนาบัตรประชาชนของนายพิสิษฐ์ก็ถูกนำไปใช้จดทะเบียนเปิดใช้งานซิมการ์ดอีกหมายเลขหนึ่ง ซึ่งสอดรับกับการจับกุมแก๊งชาวจีนที่รับจ้างกดไลค์ กดแชร์ พร้อมของกลางซิมการ์ดจำนวนมาก จึงน่าเชื่อว่าสำเนาบัตรของนายพิสิษฐ์ถูกคนร้ายนำไปใช้จดทะเบียนซิมการ์ด

 

        “ระหว่างเกิดเหตุวิ่งราวทรัพย์มีหลักฐานเป็นพยานบุคคลและใบรับรองแพทย์ของหมอ ที่ยืนยันว่าก่อนเกิดเหตุนายพิศิษฐ์ป่วย จึงเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องใน จ.นครพนม ซึ่งไม่สามารถเดินทางมาก่อเหตุวิ่งราวเพชรที่กรุงเทพฯ ขณะที่พยานบุคคลซึ่งชี้ตัวนายพิสิษฐ์ก็ระบุว่าจำหน้าคนร้ายไม่ได้ จึงไม่ยืนยันว่านายพิสิษฐ์ใช่คนร้ายที่ก่อเหตุหรือไม่ ทั้งนี้จากพยานหลักฐานทั้งหมดที่ตรวจสอบพบและนำขึ้นเบิกความต่อศาล”

งามไส้อีกแล้ว!!! ศาลยกฟ้อง พ่อค้าข้าวเหนียวไก่ทอด ฉกเพชร15ล้าน ติดคุกฟรี หลังเมียร้องDSIช่วยพบตร.จับผิดตัวพาซ้อมรีสอร์ทบังคับให้สารภาพ(คลิป)

       ล่าสุดวันนี้ (26 ก.ย.) พ.ต.อ.ดุษฎี ได้เดินทางมาร่วมรับฟังคำพิพากษาที่ศาล ซึ่งหากนายพิสิษฐ์ถูกปล่อยตัว ก็จะไปรับตัวออกจากเรือนจำ ต่อมาเมื่อถึงเวลาปรากฏว่าศาลได้อ่านคำพิพากษาให้ยกฟ้องนายพิสิษฐ์ พร้อมสั่งให้ปล่อยตัวหลังจากต้องมาติดคุกอยู่เรือนจำนาน 7 เดือน ทั้งนี้พยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์ไม่เพียงพอ ซึ่งสำหรับคดีนี้น.ส.ดารีวรรณ พ่อวงค์ ช่างเสริมสวย ภรรยา นายพิสิษฐ์ นำหลักฐานมายื่นขอให้พ.ต.อ.ดุษฎี ช่วยเหลือคดีถูกตำรวจเชิญตัวไปที่สน.และแจ้งข้อหาร่วมกับพวกวิ่งราวทรัพย์เป็นเพชรหลายชิ้น มูลค่ารวม 15.8 ล้านบาท โดยผู้เสียหายซึ่งคาดว่าเป็นเจ้าของร้านเพชรที่กรุงเทพฯ ได้ชี้ตัวยืนยัน ขณะที่นายพิสิษฐ์ได้แก้ข้อกล่าวหาโดยนำแพทย์และใบรับรองแพทย์ไปยื่นเป็นหลักฐานว่า ในช่วงวันเกิดเหตุวิ่งราวเพชรนายพิสิษฐ์อยู่ที่ จ.นครพนม อีกทั้งไม่เคยเดินทางมากรุงเทพฯ และไม่รู้จักผู้เสียหายมาก่อน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับฟังพยานหลักฐานของฝ่ายผู้ต้องหาและส่งสำนวนให้อัยการฟ้องศาล

 

       “ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐาน จากโจทก์จำเลยแล้วเห็นว่าคดีนี้พยาน 2 ราย ซึ่ง เคยพบเห็นคนร้ายถึง 2 ครั้ง ยืนยันว่า คนร้าย มีรูปร่างท้วม ผิวดำแดง สูงประมาณ 158 เซนติเมตร ริมฝีปากล่างเผยอออกมา และเมื่อทนายจำเลย นำภาพถ่ายของจำเลย ไปให้พยานชี้ตัว ยืนยันว่า จำเลยไม่ใช่คนร้ายที่ก่อเหตุ ขณะที่ ผู้เสียหาย ซึ่งทำการซื้อขาย ราคา 15.8 ล้านกับคนร้ายที่บ้านพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านบางแวก กลับให้การสับสน เกี่ยวกับรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย  และจำเลย ประกอบกับ พนักงานสอบสวนไม่ทำการ ตรวจดีเอ็นเอ โต๊ะที่เกิดเหตุ ที่คนร้ายนั่งคุยกับผู้เสียหาย เพื่อมาเปรียบเทียบยืนยันว่า คนร้าย คือจำเลยหรือไม่

งามไส้อีกแล้ว!!! ศาลยกฟ้อง พ่อค้าข้าวเหนียวไก่ทอด ฉกเพชร15ล้าน ติดคุกฟรี หลังเมียร้องDSIช่วยพบตร.จับผิดตัวพาซ้อมรีสอร์ทบังคับให้สารภาพ(คลิป)

       รวมทั้ง หมายเลขโทรศัพท์ 062-3857977 ที่ผู้เสียหายอ้างว่า คน คนร้ายใช้เบอร์โทรศัพท์นี้โทรมาติดต่อเรื่องของการซื้อเพชร และเมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ การจดทะเบียน ซิมก็พบว่าเป็นชื่อของนายพิสิฐ จำเลย แต่ พนักงานสอบสวนไม่ทำการ หาหลักฐานมายืนยันว่าในการจดทะเบียนซิมนั้นนายพิสิษฐ์ได้นำบัตรประจำตัวประชาชนของตนเองไปแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่ ais ด้วยตนเองหรือไม่ พยานหลักฐานของโจทก์จึงยังรับฟังไม่ได้ว่าคนร้ายที่ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์นั้น คือตัวจำเลย ตามฟ้องโจทก์ และจำเลยได้นำพยานที่อยู่ในจังหวัดนครพนมมาเบิกความเกี่ยวกับเรื่องของถิ่นที่อยู่ ศาลจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย อีก พิพากษายกฟ้องและให้ออกหมายปล่อย จำเลยตามผลของคำพิพากษา

      

       ก่อนหน้านี้น.ส.ดารีวรรณ เล่าว่า นายพิสิษฐ์ สามี ขายข้าวเหนียวนึ่ง กับ ไก่ทอด อยู่หน้าร้านเสริมสวย ถูกบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจาก สน.บางเสาธง กทม. ประมาณ 5 นาย อุ้มออกจากบ้านไปเค้นสอบในรีสอร์ทแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในเขต ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม ให้รับสารภาพว่า เป็นผู้ขโมยเพชรมูลค่า 15,800,000 บาท แต่สามีไม่ยอมรับจึงถูกบุคคลดังกล่าวซ้อมจนได้รับบาดเจ็บ  แล้วนำตัวขึ้นรถไปยัง สภ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ตามหมายจับศาลจังหวัดสีคิ้ว ในคดีร่วมกันฉ้อโกง ภายหลังเจ้าทุกข์มาดูตัวสามีแล้ว ยืนยันว่าไม่ใช่ผู้ที่กระทำผิดในคดีดังกล่าว  แล้วจับกุมสามี โดยเพิ่มข้อหาใหม่ว่าเป็นคนร้ายขโมยเพชรจาก สน.บางเสาธงฯ ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษธนบุรี ตนสงสัยในพฤติกรรมของชุดจับกุม เนื่องจากถือหมายจับของ สภ.สูงเนิน มาควบคุมตัวสามีไปสอบสวนในเซฟเฮ้าส์นั้น  มิได้สอบสวนเรื่องคดีฉ้อโกงแต่อย่างใด แต่กลับให้ยอมรับว่า ขโมยเพชร เหตุเกิดที่ สน.บางเสาธง แทน เกรงสามีจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเดินทางยื่นเรื่องร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ

งามไส้อีกแล้ว!!! ศาลยกฟ้อง พ่อค้าข้าวเหนียวไก่ทอด ฉกเพชร15ล้าน ติดคุกฟรี หลังเมียร้องDSIช่วยพบตร.จับผิดตัวพาซ้อมรีสอร์ทบังคับให้สารภาพ(คลิป)