ปปป.แจ้งข้อหา4พระ!!! สมเด็จพระพุฒาจารย์ไม่เกี่ยวเงินทอนวัด ศิษย์แจงข่าวลงรูปหวั่นทำคนเข้าใจผิด สื่อแก้แล้วยันเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรฯไม่โยงคดี

จากกรณีตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านบุคคลต้องสงสัย ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัดรวม 14 จุด ใน 7 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงกระบวนการทุจริตเงินทอนวัด และพบผู้เข้าข่ายเป็นผู้ต้องหา 19 ราย ซึ่งได้แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว 5 ราย ทั้งยังเป็นส่วนของพระสงฆ์ 4 รูปด้วย โดยเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดนั้น

       ทั้งนี้ พระครูกิตติพัชรคุณ เจ้าคณะอำเภอชนแดน วัดลาดแค จ.เพชรบูรณ์ หนึ่งในจำนวนพระ 4 รูป จะถูกแจ้งความผิด 3 ข้อหาตาม มาตรา 86 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อน หรือขณะกระทำความผิดแม้ผู้กระทำความผิด จะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น มาตรา 147 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท

 

        และมาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือ ทั้งจำทั้งปรับ

       ด้านพ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ รอง ผบก.ป.ป.ป.เผยว่า พระครูกิตติพัชรคุณ ได้เดินทางไปประเทศอินเดียตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา และทราบว่ามีคนเห็นได้เดินทางกลับมาประเทศไทยแล้ว จึงได้มีการนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ป.ป.ป.ไปที่วัดลาดแค เพื่อไปพบพระครูกิตติพัชรคุณ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่พบตัวพระครูกิตติพัชรคุณ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ป.ป.ป.อยู่ระหว่างตรวจสอบสถานที่พำนักของพระกลุ่มที่ถูกกล่าวหาอีก 3 รูปเพื่อใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อแจ้งข้อหาด้วย

 

       ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวว่า นอกจากพระครูกิตติพัชรคุณแล้ว พระอีก 3 รูปที่เกี่ยวข้องในคดีเงินทอนวัดที่เจ้าหน้าที่เตรียมจะแจ้งข้อกล่าวหา ประกอบด้วย พระราชรัตนมุนี (บุญเทียม มุสุ หรือบุญเทียม ญานินโท) เลขานุการสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะหนกลาง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร ย่านคลองสาน พระเทพเสนาบดี (พระราชพุทธิวราภรณ์) เจ้าอาวาสวัดกวิศรารามราชวรวิหาร และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ต.ท่าหิน อ.เมืองลพบุรี และพระครูวิสุทธิวัฒนกิจ (อุดม สุระกาพย์) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร ย่านบางกอกใหญ่

       อย่างไรก็ตามเมื่อข่าวดังกล่าวถูกนำเสนอออกไปแล้วนั้น ปรากฏว่าในเวลาต่อมาทางวัดและคณะลูกศิษย์ของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก กรรมการมหาเถรสมาคม ได้ทักท้วงต่อภาพข่าวที่ใช้ขึ้นประกอบพาดหัวข่าว(ภาพปก) ที่ทางสำนักข่าวทีนิวส์ลงนั้น เป็นรูปของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ไม่ใช่รูปของสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ตามที่ทีนิวส์เข้าใจและลงผิด) ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับการดำเนินคดีในเรื่องการตรวจสอบการทอนเงินวัด อีกทั้งเมื่อดูเนื้อหาภาพในข่าวดังกล่าวแล้ว ก็ไม่มีชื่อของท่านสมเด็จพุฒาจารย์ปรากฏอยู่ในเนื้อหาข่าวดังกล่าว

 

       ต่อมาเมื่อทางสำนักข่าวทีนิวส์ได้รับทราบจากกลุ่มคณะลูกศิษย์แล้ว จึงได้เร่งตรวจสอบอย่างเร่งด่วนต่อข้อท้วงติงที่มีมากับทางผู้นำเสนอข่าวดังกล่าว และเมื่อตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้ว ปรากฏว่ารูปที่ทางสำนักข่าวนำมาประกอบใช้พาดหัวข่าวนั้นเป็นรูปของสมเด็จพระพุฒาจารย์ จริงตามที่คณะลูกศิษย์ได้เมตตาแสดงข้อทักท้วงบอกกล่าวมา ซึ่งกับเรื่องคดีเงินทอนวัดนั้นทางสมเด็จพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆเลยในการตรวจสอบของปปป. ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวเป็นความผิดพลาดของผู้สื่อข่าวเองที่ขาดความระมัดระวัง ไม่รอบคอบถี่ถ้วนทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อผู้ที่เสพและเห็นภาพข่าวนี้  ดังนั้นทางสำนักข่าวทีนิวส์จึงขอกราบอภัยเป็นอย่างสูงต่อ สมเด็จพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) รวมทั้งทางวัดและคณะลูกศิษย์ที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจหรือขัดข้องขุ่นใจต่อข่าวดังกล่าว ทางสำนักข่าวทีนิวส์ยืนยันว่าไม่มีเจตนาร้ายใดๆท่านสมเด็จพุฒาจารย์ รวมทั้งทางวัดและลูกศิษย์