- 03 ต.ค. 2560
ติดตามรายละเอียดที่นี่ http://www.tnews.co.th
ถึงนาทีนี้ไม่ต้องย้อนความให้มากเรื่องอีกแล้ว สำหรับความเป็นจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นกับหุ้นร้อนอย่าง AQ หรือ บริษัทเอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หลังจากมีความชัดเจนในระดับสำคัญ เมื่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกาศรับหุ้นจดทะเบียน จำนวน 72,640 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป (คลิกอ่านข่าวประกอบ : ต.ล.ท.ไฟเขียว AQ กลับสู่สนามซื้อขายแล้ว มีผล 4 ตุลานี้ นักวิเคราะห์ฟันธงราคาพุ่งแน่!?! )
ขณะที่กูรูหลายสำนักเริ่มประเมินอนาคต AQ ไปในทิศทางเดียวกัน เช่นล่าสุดคอลัมน์นิสต์ดังอย่าง “แม่มดน้อย” จาก www.hooninside.com เขียนมุมมองในเชิงกอสซิป ว่า “ นับเวลาถอยหลัง หุ้น AQ จะกลับมาเทรดอีกครั้ง หลังตลาดฯรับลูกหุ้นพีพี AQ เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนแล้ว แต่ตอนนี้ตลาดฯแขวนป้ายSP ด้วยรอปัจจุบัน AQ ยังไม่นำส่งงบการเงินไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560”
ไฮไลต์สำคัญเลย “แม่มดน้อย” ย้อนประสบการณ์เทียบเคียงเคสกรณีหุ้นในอดีต โดนเครื่องหมาย SP พักซื้อขาย แต่พอกลับมาโลดแล่นบนกระดานซื้อขายอีกครั้งก็มีโอกาสไปต่อได้อย่างสวยหรู ถ้าพื้นฐานหุ้นตัวนั้นแข็งแกร่ง “ หากมองอดีตหุ้นรีซูมเทรด จะพบว่าในอดีตมีหุ้นหลายตัว เมื่อกลับมาเทรดรอบใหม่ ราคาจะปรับขึ้นอย่างร้อนแรง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติที่หุ้นเมื่อกลับมาเทรดได้ย่อมหมายถึงอนาคตที่ดีขึ้น เช่นหุ้น AJP ก่อนขึ้น SP ราคาอยู่ที่ 0.23 บาท พอกลับมาเทรดวันแรกราคาพุ่งไปถึง 17.80 บาท เพิ่มขึ้น 7,639% หรือหุ้น TWS ก่อน SP อยู่ที่ 1.72 บาท กลับมาเทรดวันแรก 18 บาท บวก 946% และ SMPC ก่อนหยุดซื้อขายอยู่ที่ 1.85 บาท ผ่านไป 2 ปีปรับปรุงฐานะกลับมาซื้อขายรอบใหม่ราคาทะยานไปถึง 36 บาท เพิ่มขึ้น 1,845% ”
ตรวจสอบกันให้ชัดเจนยิ่งขึ้น กลับไปดูกรณีหุ้น AJP หรือ บริษัท เอเชีย จอยท์ พาโนราม่า จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนบริษัทเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2521 โดยใช้ชื่อ บริษัท อ่าวขามไทย จำกัด ประกอบธุรกิจเหมืองแร่ดีบุกในทะเลและให้เช่าเรือขุดแร่ดีบุก ก่อนเปลี่ยนรูปแบบการประกอบกิจการมาหลายครั้ง เนื่องจากภาวการณ์ขาดทุนถึงขั้นต้องเข้าทำแผนฟื้นฟูกิจการ
จากนั้นในช่วงปลายปี 2555 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น บริษัท เอเซีย จอยท์ พาโนราม่า จำกัด (มหาชน) "AJP” และสามารถมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 1 ปีในปี 2555 ที่ประมาณ 24 ล้านบาท ส่งผลให้พ้นเหตุจากการถูกเพิกถอน และตลาดหลักทรัพย์ฯ อนุญาตให้กลับมาซื้อขายได้ในวันที่ 11 กันยายน 2556 ปรากฏว่าราคาหุ้น AJP ในวันนั้นปรับตัวสูงสุดขึ้นไปอยู่ที่ 17.80 บาท เพิ่มขึ้น 17.57 บาท หรือ 7,639.13% มูลค่าการซื้อขาย 2.96 พันล้านบาท
หรือ หุ้น TWS ( บมจ. ไทยวาสตาร์ช) หลังจากถูกขึ้นเครื่องหมาย SP กลับมาซื้อขายวันแรกหลังจากหยุดการซื้อขายไปนานเกิน 10 ปี เมื่อ 31 ต.ค. 2556 โดยบริษัทได้ดำเนินการเพื่อขอพ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนครบถ้วน ปรากฎว่าราคาหุ้น TWS เปิดทำการซื้อขายครั้งแรกที่ราคา 32 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1,760% หรือคิดเป็น 14 บาท ก่อนที่จะปรับตัวลดลง,kปิดที่ระดับ 18 บาท เพิ่มขึ้น 16.28 บาท หรือคิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 946.51%
ส่งท้ายด้วยกรณีของบริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ตรวจพบว่าทำการซื้อขายวันสุดท้ายวันที่ 13 พ.ย. 2548 ปิดตลาดที่ 1.85 บาท ก่อนกลับมาทำการเปิดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้งในวันที่ 11 พ.ย. 2556 นี้ ซึ่งเป็นวันแรกไม่มีการกำหนดกรอบราคา ราคาหลักทรัพย์ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเกินความคาดหมาย โดยเปิดการซื้อขายที่ระดับราคา 23 บาท ก่อนราคาหุ้นเคลื่อนไหวสูงสุดของวันที่ 36 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 34.15 บาท คิดเป็นการเปลี่ยนแปลง1,845.95% จากราคาปิดตลาดเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2548 โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวม 557.93 ล้านบาท