ด่วน!!! ทักษิณโดนแล้ว!?! อัยการสูงสุดสั่งฟ้องผิดมาตรา112 ขณะคดียิ่งลักษณ์รอขอตัวส่งผู้ร้ายข้ามแดน  (รายละเอียด)

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th

จากกรณีกองบังคับการกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้แจ้งดำเนินคดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี (ยศในขณะนั้น)ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 จากนั้นทางสำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนในคดีโดยอสส.กับปอท.ร่วมกันพิจารณาสำนวน

        ทั้งนี้ตรวจสอบย้อนไปเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศถอนพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอาจเป็นสาเหตุไปกดดันให้มีการเคลื่อนไหวมากขึ้นว่า แล้วแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเคลื่อนไหว ก็ทำไป กฎหมายก็มีอยู่ เคลื่อนไหวอีกก็มีอีก เมื่อถามว่าผลจากการให้สัมภาษณ์ที่ประเทศเกาหลีของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่าด้วยการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงเพิ่มอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นคนทำ ประชาชนเป็นผู้แจ้งความกับทางตำรวจเป็นจำนวนมาก ทางกองทัพบกก็แจ้งมา เพราะหมิ่นประมาท สร้างความเกลียดชัง พูดจาให้ร้ายกองทัพ ซึ่งมีกฎหมายดำเนินการอยู่

 

       ขณะพล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก (ขณะนั้น)กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบเทปการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ ถ้าผิดจริง ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยก่อนหน้านี้ ตนเคยให้ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า มีลักษณะเหมือนกฎหมายหมิ่นประมาท แต่สถาบันพระมหากษัตริย์คงไม่ออกมาฟ้องร้อง เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการปกป้อง ไม่ว่าจะเป็นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่ว่าจะดูหมิ่นเรื่องไหน เราก็ต้องออกมาดำเนินการ ไม่เช่นนั้นก็จะเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

 

       ด้านพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ในขณะนั้น) กล่าวว่า ที่ผ่านมามีผู้มาร้องทุกข์กับตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ว่ามีการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคง จึงเสนอให้ฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลดำเนินการตามขั้นตอน “การดำเนินการทุกอย่าง เป็นไปตามกระบวนการและชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีความรู้สึกส่วนตัวในการลงความเห็นเสนอให้หน่วยงานความมั่นคงดำเนินการ ซึ่งก็ได้ฟังคำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณทั้งหมดแล้ว พบว่า มีความผิดหลายมาตรา รวมทั้งมาตรา 112 ด้วย ” ผบ.ตร.กล่าว

 

        จากนั้นนายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (ขณะนั้น)กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ส่งสำนวนคดีให้อัยการ เพื่อให้ดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112ว่า สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับสำนวนคดีดังกล่าวจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นความผิดที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร ตามขั้นตอนต้องเสนอเรื่องให้นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นผู้พิจารณา โดยทางอัยการสูงสุด จะเป็นผู้มีคำสั่งตั้งพนักงานสอบสวน ปอท. หรือพนักงานอัยการ หรือให้เจ้าพนักงานทั้ง 2 หน่วยงาน ขึ้นรับผิดชอบสำนวนคดีร่วมกันเพื่อพิจารณาต่อไปก็ได้

 

       ต่อมาวันที่ 3 มิ.ย. 58 นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน กล่าวถึง กรณีพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ส่งสำนวนคดีให้อัยการ เพื่อให้ดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ว่า ทางอัยการสูงสุด ได้ตั้งพนักงานสอบสวนเเล้ว โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสองหน่วยงาน คือ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เเละอัยการสำนักงานสอบสวน

 

        อย่างไรก็ตาม 30 มี.ค.60 นายสุรศักดิ์ ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวต่อทีมข่าว DeepsTnews ว่าเรื่องนี้มีการตั้งกรรมการสอบร่วมกันระหว่างสำนักงานอัยการกับปอท. โดยอัยการสูงสุดหรือรักษาการแทน เป็นพนักงานสอบสวนรับผิดชอบ เพราะคดีนี้เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร และที่ผ่านมาก็มีการตรวจสอบร่วมกัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำงานร่วมกันตลอดมา “ คือคดีความผิดนอกราชอาณาจักรผิดม.112นี่ปกติแล้ว ซึ่งเป็นคดีความผิดนอกราชอาณาจักรไทยต้องรับโทษตามกฏหมายไทย หลักกม.อัยการสูงสุดหรือรักษาการแทนเป็นพนักงานสอบสวนรับผิดชอบ ผมจำได้เรื่องนี้ท่านอสส.มอบหมายให้พนง.สอบสวนทำร่วมกับปอท. ซึ่งถ้ามีความเห็นว่าให้ดำเนินคดีมีการฟ้องก็ต้องขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ”

       รายงานข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุดเปิดเผยกับทีมข่าว DeepsTnews ว่า ทางทีมสอบของพนักงานอัยการ ซึ่งมีอัยการสูงสุดเป็นพนักงานสอบสวนอยู่ด้วย ได้มีความเห็นสรุปออกมาแล้วเห็นควรสั่งฟ้องนายทักษิณ ในคดีตามมาตรา112 ซึ่งคดีดังกล่าวนี้ถือเป็นความผิดนอกราชอาณาจักรทางผู้ถูกกล่าวหาอยู่ต่างประเทศ ดังนั้นจึงจะต้องส่งความเห็นสำนวนการสอบไปให้อัยการสูงสุด เป็นผู้พิจารณาชี้ขาดอีกครั้งว่ามีความเห็นสั่งฟ้องตามพนักงานสอบ หรือจะเห็นแย้งอย่างไร ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของอัยการสูงสุด โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สังคมส่วนใหญ่ให้ความสนใจ อาจมีการแถลงให้ทราบอีกครั้ง  และล่าสุดวันนี้(6ต.ค.60) อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องนายทักษิณ ตามความผิดมาตรา 112แล้ว ขณะที่คดีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีการฟังคำพิพากษาคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ต่อมามีการพิจารณาคดีลับหลังสั่งจำคุก5ปีนั้นต้องดำเนินการขั้นตอนการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน

      

       “ ส่วนคดีที่ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เคยรวบรวมหลักฐานคดีที่นายทักษิณ หมิ่นสถาบันเบื้องสูง และความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์  ปี 2558 ซึ่งเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นภายนอกราชอาณาจักรนั้น ขณะนี้มีความเห็นแล้วโดยอัยการสูงสุดคนก่อนร้อยตำรวจตรีพงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร ได้มีการทำความสมควรสั่งฟ้อง หลังจากที่อัยการสูงสุดโดยนายตระกูล วินิจนัยภาค ได้ตั้งอัยการสำนักสอบสวนร่วมสอบ ปอท.นายเข็มชัย ชุติวงษ์ กล่าวขณะตอบข้อซักถามสื่อมวลชนภายหลังเข้ารับตำแหน่งอัยการสูงสุดคนใหม่ ในวันนี้(6ต.ค.60)