ดูที่เจตนา !?! ย้อนคำพิพากษาฏีกายกฟ้องสุเทพหมิ่นทักษิณหาอยากเป็นปธน. ศาลชี้จำเลยพูดจากการกระทำของโจทก์-เสื้อแดงที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันมา

http://deeps.tnews.co.th

จากกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว "Thaksin Shinawatra @ThaksinLive" ระบุว่า

 

ผมได้ทราบข่าวเรื่องข้อความจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง โดยมีการกล่าวอ้างถึงชื่อผม ด้วยความไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง (1)

 

ผมขอยืนยันว่าไม่เคยรู้จักบุคคลดังกล่าว และไม่เคยแม้แต่จะคิด ที่จะล่วงเกินสถาบันฯ เลยแม้แต่น้อย (2)

 

ผมขอประณามในวิธีการดังกล่าว และยืนยันที่จะเอาเรื่องจนถึงที่สุด ในการที่นำชื่อผมเข้าไปเกี่ยวข้อง (3)

 

ผมขอประกาศให้ทราบไว้ ณ ที่นี้ว่า ไม่ว่าใครที่ผมจะรู้จักหรือไม่ก็ตาม (4)

 

หากมีการแอบอ้างหรือพาดพิงถึงตัวผม โดยมีการก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูงอีก ผมจะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินคดีกับทุกคน (5)

ดูที่เจตนา !?! ย้อนคำพิพากษาฏีกายกฟ้องสุเทพหมิ่นทักษิณหาอยากเป็นปธน. ศาลชี้จำเลยพูดจากการกระทำของโจทก์-เสื้อแดงที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันมา

       ทั้งนี้หากย้อนไปที่ห้องพิจารณา 807 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 8 ต.ค.2558  ศาลได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.425/2552 ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้นายอุดม โปร่งฟ้า ทนายความเป็นโจทก์ฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 3-5 ก.พ. 2552 นายสุเทพ จำเลยซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายในที่ประชุมสภา และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทำนองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ โจทก์ไม่ยอมแพ้ พยายามต่อสู้ไปเรื่อยๆ ท่านก็บอกแล้วว่า วันหนึ่งท่านจะกลับมาเป็นประธานาธิบดี เราก็ไม่ต้องวิเคราะห์อะไร ซึ่งโดยความคิดเห็นส่วนตัวโดยบริสุทธิ์ใจเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบระบอบประธานาธิบดี และข้อความอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 ด้วย

      

       คดีนี้หลังจากศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำเบิกความของนายอุดม โปร่งฟ้า ทนายความผู้รับมอบอำนาจโจทก์ ที่เข้าเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง และพยานหลักฐานต่างๆ แล้ว เห็นว่าคดีไม่มีมูลความผิด ให้ยกฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องตามศาลชั้นต้น และโจทก์ยื่นฎีกาขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นรับคดีไว้พิจารณาเพื่อสืบพยานโจทก์และจำเลย

ดูที่เจตนา !?! ย้อนคำพิพากษาฏีกายกฟ้องสุเทพหมิ่นทักษิณหาอยากเป็นปธน. ศาลชี้จำเลยพูดจากการกระทำของโจทก์-เสื้อแดงที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันมา

       ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์เป็นบุคคลสาธารณะที่สมัครใจเข้ามารับตำแหน่งทางการเมืองเพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญ มีทั้งอำนาจหน้าที่ในการบริหารประเทศ และต้องรับผิดชอบจากการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วประเทศ จึงจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบสูงกว่ามาตรฐานของบุคคลทั่วไป ทั้งถ้อยคำของจำเลยที่ให้สัมภาษณ์ก็มิได้ปรุงแต่งข้อเท็จจริง แต่มีผลต่อเนื่องเชื่อมโยงกันมาโดยตลอดจากการกระทำของโจทก์เองและกลุ่มคนที่ให้การสนับสนุน อาทิ โจทก์เคยพูดต่อข้าราชการ กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง และกลุ่มคนขับแท็กซี่ว่า ผู้มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ แทรกแซงองค์กรอิสระ และศาล รวมทั้งนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ก็เคยมีความเห็นว่าโจทก์ละเมิดรัฐธรรมนูญ และอื่นๆ ดังนั้น การให้สัมภาษณ์ของจำเลยจึงเป็นการติชม แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท ฟ้องโจทก์ไม่มีมูล ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

ดูที่เจตนา !?! ย้อนคำพิพากษาฏีกายกฟ้องสุเทพหมิ่นทักษิณหาอยากเป็นปธน. ศาลชี้จำเลยพูดจากการกระทำของโจทก์-เสื้อแดงที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันมา