- 21 ต.ค. 2560
ติดตามข่าวเพิ่มเติม http://www.tnews.co.th
กรมป่าไม้จัดงานวันรักต้นไม้พร้อมกันทั้ง 4 ภาค ภายใต้ชื่องาน “สืบสานพระราชปณิธานองค์แม่ฟ้าและพ่อหลวงสู่ปวงชน” มุ่งรักษาพื้นที่สีเขียวเพื่อฟื้นฟูทรัพยาป่าไม้ของชาติ จัดชุดรุกขกร บำรุง รักษาต้นไม้ทรงปลูกทั่วประเทศ พร้อมแจกกล้าไม้จากต้นไม้ทรงปลูกกว่า 3,600 กล้า ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเทิดพระเกียรติและสืบสานพระราชปณิธานในการดูแลรักษาต้นไม้ด้วยตนเอง
โดยเมื่อ 21 ตุลาคม 2560 ณ สวนป่าทุ่งเกวียน องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จังหวัดลำปาง นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ เป็นประธานเปิดงานวันรักต้นไม้ประจำปีของชาติ พ.ศ. 2560 ซึ่งในปีนี้ กรมป่าไม้ จัดกิจกรรมภายใต้ชื่องาน “สืบสานพระราชปณิธานองค์แม่ฟ้าและพ่อหลวงสู่ปวงชน” โดยการบำรุงรักษาต้นไม้ที่พระราชวงศ์ทรงปลูกภายในบริเวณสวนป่าทุ่งเกวียน เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และร่วมสืบสานพระราชปณิธานในการฟื้นฟู ดูแล รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศ ให้เกิดความสมดุล พร้อมแจกกล้าไม้ที่ เพาะเมล็ดไม้จากต้นปีบ ซึ่งเป็นต้นไม้ทรงปลูกของในหลวงรัชกาลที่ 9 จำนวน 900 ต้น
นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ครม. มีมติเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2533 กำหนดให้วันพระราชสมภพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งตรงกับวันที่ 21 ตุลาคม ของทุกปีเป็น “วันรักต้นไม้ประจำปีของชาติ” เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญู กตเวทิตา ต่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ด้วยทรงเล็งเห็นความสำคัญของทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ และทรงมีพระราชปณิธาน อันแน่วแน่ในการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ให้กลับคืนความสมบูรณ์ เก็บไว้เป็นมรดกของลูกหลานไทยในอนาคต
ดังจะเห็นได้จากพระจริยวัตรของ “สมเด็จย่า” ที่ทรงโปรดการปลูกต้นไม้ และดูแลบำรุง ใส่ปุ๋ยให้กับต้นไม้ด้วยพระองค์เอง ทรงเป็นแบบอย่างในเรื่องของการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมให้แก่พระโอรส และพระธิดาเสมอมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริ พระราชดำรัส และพระราชกรณียกิจที่ทรงให้ความสำคัญต่อทรัพยากรป่าไม้ โดยจะเห็นได้จากการเสด็จ ไปทรงงาน หรือเสด็จพักผ่อนเป็นการส่วนพระองค์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์จะทรง ปลูกต้นไม้ไว้ในสถานที่สำคัญต่าง ๆ อยู่เสมอ
นายชลธิศ กล่าวต่อว่า ปีนี้กรมป่าไม้กำหนดกิจกรรมเนื่องในวันรักต้นไม้ขึ้น ทั้ง 4 ภาค พร้อมจัดทีมรุกขกรบำรุงรักษาต้นไม้ทรงปลูกทั่วประเทศ โดยในภาคเหนือจัดที่สวนป่าทุ่งเกวียน องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ซึ่งสถานที่แห่งนี้มีต้นไม้ทรงปลูกของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงปลูกต้นกระถินณรงค์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงปลูกต้นปีบ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงปลูกต้นพิกุล สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปลูกต้นแก้ว สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงปลูกต้นย่านนมวัว และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงปลูกต้นสัก
ทั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเทิดพระเกียรติและสืบสานพระราชปณิธานในด้านการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้แล้ว ยังร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพอีกด้วย โดยกรมป่าไม้ได้จัดกิจกรรมบำรุง ดูแล รักษาต้นไม้ที่พระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ทรงปลูกไว้ พร้อมทั้งจัดเตรียมกล้าไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ด
จากต้นปีบทรงปลูกของในหลวงรัชกาลที่ 9 จำนวน 900 กล้า เพื่อแจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมงาน นำกลับไปปลูกและดูแลรักษาต่อไป โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจัดกิจกรรมที่โรงเรียนร่มเกล้า อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ซึ่งจะมีต้นสนฉัตรเป็นต้นไม้ทรงปลูกที่จะบำรุงรักษา และเตรียมกล้าไม้ราชพฤกษ์ที่เพาะขยายพันธุ์ จากต้นไม้ทรงปลูก จำนวน 900 กล้า แจกจ่ายให้แก่ประชาชน ส่วนในภาคกลางกำหนดจัดงานที่วัดถ้ำสิงโตทอง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่งจะบำรุงดูแลต้นสักที่เป็นต้นไม้ทรงปลูก และจัดเตรียมกล้าไม้ต้นประดู่ทรงปลูกเพื่อแจกให้ผู้สนใจจำนวน 900 กล้า สำหรับภาคใต้นั้นจัดกิจกรรม ณ ที่ว่าการอำเภอพระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งจะบำรุงรักษาต้นราชพฤกษ์ที่เป็นต้นไม้ทรงปลูก และเตรียมกล้าไม้ต้นตะเคียนทอง ทรงปลูก จำนวน 900 กล้า เพื่อแจกให้ประชาชน
“กรมป่าไม้ ขอเชิญชวนคนไทยทุกคนร่วมกันแสดงพลังความสามัคคีในการรักษาทรัพยากรป่าไม้ และร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร โดยช่วยกันดูแล บำรุงรักษาต้นไม้ภายในบริเวณที่อยู่อาศัยของตนเอง หรือตามสถานที่ต่าง ๆ ตามกำลังที่จะทำได้ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ท่านที่ต้องการเห็นทรัพยากรป่าไม้ของไทยกลับมาอุดมสมบูรณ์อี กครั้ง” อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าว