ส.ศิวรักษ์มาแล้ว!?! บอกพอเข้าใจได้ชาวต่างชาติกล่าวหางบงานพระราชพิธีฯสิ้นเปลืองเกินเหตุ อ้างเพราะสมัยนี้ใครๆคิดกันแต่ในทางเศรษฐกิจ???

จากกรณีวันนี้(1พ.ย.) นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส. ศิวรักษ์ นักเขียนชาวไทย และนักวิชาการอิสระ สมญานาม ปัญญาชนสยาม และเกี่ยวข้องกับคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหลายครั้ง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sulak Sivaraksa เกี่ยวกับงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ และงานราชพิธีสำคัญอีกหนึ่งงานนั่นคือ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก อีกทั้งข้อความดังกล่าวนี้ยังเกี่ยวโยงกล่าวไปถึงผู้ถูกดำเนินคดีตามความผิดมาตรา112 ด้วย ซึ่งเนื้อหาทั้งหมดระบุไว้ดังนี้

[ อนุสติจากงานพระบรมศพ ]

บัดนี้ งานถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้าหลวงก็ลุล่วงไปแล้วอย่างสมพระเกียรติยศยิ่ง แม้ชาวต่างประเทศที่ไม่เข้าใจวัฒนธรรมไทยจะกล่าวหาว่าสิ้นเปลืองเกินเหตุ ก็พอเข้าใจได้ เพราะสมัยนี้ใครๆ ก็คิดกันแต่ในทางเศรษฐกิจ โดยไม่ตระหนักถึงภูมิธรรมของสังคมนั้นๆ อย่าว่าแต่พระราชามหากษัตริย์เลย แม้คนอย่างเราๆ การจัดงานศพบุพการีย่อมต้องทำให้เต็มกำลังความสามารถ แม้จะกู้หนี้ยืมสินก็ตาม เพราะนั่นเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ที่เราจะตอบแทนพระคุณท่านผู้ล่วงลับไปได้ ยิ่งในกรณีของพระพุทธเจ้าหลวงด้วยแล้ว งานพระบรมศพแสดงให้เห็นชัดว่าไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจงรักภักดีกับพระองค์ท่านกันปานใด แม้ไปถวายบังคมพระบรมศพ ยังทำบุญร่วมพระราชกุศล และการที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดให้จัดพระเมรุจำลองให้ราษฎรได้ถวายดอกไม้จันทน์ตามสถานที่ต่างๆ นั้น ช่วยให้ราษฎรได้ถวายอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายอย่างสะดวกดาย นับว่าแยบคายนัก โดยที่ราษฎรก็ไปร่วมงานดังกล่าวทุกหนแห่งอย่างคับคั่ง นี่เท่ากับเป็นการลงประชามติถึงความรักและภักดีที่เขามีต่อในหลวงของพวกเขา

บทเรียนจากงานที่จัดถวายพระอดีตมหาราชาธิราชคราวนี้ รัฐบาลควรเตรียมจัดงานบรมราชาภิเษกพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ให้สมพระเกียรติยศ โดยไม่มีอะไรดีไปกว่าเดินตามรอยพระบาทของพระองค์ท่าน ที่โปรดเกล้าฯให้ลอกคูคลองต่างๆ อย่างน่าชื่นชม รัฐบาลจึงควรจัดงานใหญ่ ใช้งบประมาณแผ่นดินอย่างเต็มที่ ลอกแม่น้ำเจ้าพระยาให้หมดมลพิษต่างๆ โดยโยงใยถึงคลองต่างๆ ที่เชื่อมกับแม่น้ำให้สะอาดสะอ้านถึงกัน อย่างสดใส งดงาม ให้สมกับแม่น้ำเป็นหัวใจของชาวเรามาแต่สมัยอดีตราชธานี ทั้งที่กรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรี ซึ่งมีอายุครบ ๒๕๐ ปีพอดี

แม้จะใช้งบประมาณมากเพื่อการนี้ ก็คุ้มค่าอย่างยิ่ง เพราะเราอาจโยงใยการคมนาคมทางน้ำ ทางบกให้ถึงกัน บรรเทาการจราจรติดขัดตามท้องถนน และผู้คนก็จะได้ใช้น้ำอาบกินอย่างที่บรรพบุรุษเคยประพฤติปฏิบัติมา

ใช่แต่เท่านั้น งานบรมราชาภิเษกพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ ย่อมเสด็จเลียบพระนครทางชลมารคด้วย แม่น้ำก็จะงดงาม ใสสะอาด เต็มไปด้วยมัจฉาชาติ เท่ากับว่าเป็นการถวายพระเกียรติยศอย่างวิเศษแท้ทีเดียว แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังเป็นอามิสบูชา

ส่วนการปฏิบัติบูชานั้น คือการเดินหน้าประเทศไทย อย่างไม่มุ่งแต่ทางวัตถุ หากควรมุ่งในทางคุณธรรม ที่ทำให้ไพร่ฟ้าหน้าใส นั่นก็คือ ควรขอพระราชทานอภัยโทษให้พสกนิกรที่ถูกกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ เบียดเบียนบีฑา จนผู้คนเป็นอันมากต้องติดคุกติดตารางมาอย่างน่าสงสารนัก ก็กฎหมายมาตรานี้ เจาะจงไม่ให้หมิ่นพระราชามหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน โดยที่ท่านพระองค์นั้นก็สวรรคตล่วงลับไปแล้ว คนที่โดนขังคุกเพราะกฎหมายอาญามาตราดังกล่าว ก็ควรได้รับพระราชทานอภัยโทษ ยังนักโทษอื่นๆ อีกมีเป็นจำนวนไม่น้อยจนคนล้นคุกไปหมดแล้ว

ความข้อนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภา ทรงพระกรุณาแสดงความห่วงใยเป็นพิเศษ จึงควรเดินตามรอยพระบาทพระองค์ท่าน ปลดปล่อยคนโทษจำนวนมากให้เป็นไท และปรับทัณฑสถานให้เป็นที่ที่เรียนรู้สำหรับคนที่ต้องถูกคุมขัง ให้เขาได้ออกไปประกอบสัมมาชีพ โดยที่ในบัดนี้คุกตารางเป็นดังนรกก็ไม่ปาน ทั้งยังเป็นที่ผลิตและค้าขายยาบ้า ยาม้า ฯลฯอีกด้วย

ถ้ารัฐบาลจงใจแก้วิกฤตให้เป็นโอกาส นั่นแหละจักแสดงว่าพวกเขาจงรักภักดีอย่างจริงใจ และถ้าจะให้ประชาธิปไตยเป็นไปได้ ไม่ใช่สัญญาว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไร นั่นเป็นแค่ปลายเหตุ ต้องเริ่มให้มีการแสดงออกทางเสรีภาพให้ได้ก่อน ให้มีการแสดงทัศนะได้อย่างเสรี ให้มีการรับฟังทัศนะที่ต่างกัน และเคารพทัศนะที่ต่างกันได้ นั่นจึงจะถือว่าเป็นรากฐานของประชาธิปไตย ดังที่ใครคนหนึ่งใช้คำว่าสันติประชาธรรม

ถ้าเริ่มตามแนวทางของสันติประชาธรรม ปวงประชาจะมีความสงบสุข จะแซ่ซร้องสรรเสริญพระมหากษัตริย์ ซึ่งย่อมจะทรงทศพิธราชธรรม เจริญรอยพระบรมชนกนาถ ที่ตรัสว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” นั้นแล

ส. ศิวรักษ์

๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

 

 

 

ขอบคุณเฟซบุ๊ก : Sulak Sivaraksa