ฟังแล้วอดซาบซึ้งแทนไม่ได้!!เปิดใจบัณฑิตสาวมทส.เล่านาทีสำคัญชีวิตสมเด็จพระเทพฯเสด็จลงมาถึงแถวที่นั่งพระราชทานปริญญาบัตรด้วยพระหัตถ์พระองค์เอง

ติดตามรายละเอียด : FB. Deeps News

จากกรณีที่โลกโซเชียลได้มีการแชร์ภาพสุดน่าประทับใจจากเฟชบุ๊กของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษา ประจำปี 2559 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยเป็นภาพบัณฑิตสาว 2 คน ซึ่งได้รับบาดเจ็บที่ขา นั่งอยู่บนรถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเดินมาพระราชทานปริญญาบัตรให้กับมือเป็นการเฉพาะ ซึ่งสร้างความปลาบปลื้มปีติให้กับบัณฑิตสาวทั้ง 2 คน และผู้ที่เห็นภาพนี้เป็นอย่างยิ่ง

ฟังแล้วอดซาบซึ้งแทนไม่ได้!!เปิดใจบัณฑิตสาวมทส.เล่านาทีสำคัญชีวิตสมเด็จพระเทพฯเสด็จลงมาถึงแถวที่นั่งพระราชทานปริญญาบัตรด้วยพระหัตถ์พระองค์เอง

 

ทั้งนี้ บัณฑิตสาว 2 ในภาพนั้น คือ นางสาวอนัสรีย์ เพชรขุ้ม อายุ 27 ปี มหาบัณฑิตปริญญาโท สาขาบริหารงานก่อสร้างและสาธารณูปโภค และนางสาวอภิญญา พงศ์อัมพรนารา อายุ 22 ปี บัณฑิตปริญญาตรี สาขาวิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม

ฟังแล้วอดซาบซึ้งแทนไม่ได้!!เปิดใจบัณฑิตสาวมทส.เล่านาทีสำคัญชีวิตสมเด็จพระเทพฯเสด็จลงมาถึงแถวที่นั่งพระราชทานปริญญาบัตรด้วยพระหัตถ์พระองค์เอง

ฟังแล้วอดซาบซึ้งแทนไม่ได้!!เปิดใจบัณฑิตสาวมทส.เล่านาทีสำคัญชีวิตสมเด็จพระเทพฯเสด็จลงมาถึงแถวที่นั่งพระราชทานปริญญาบัตรด้วยพระหัตถ์พระองค์เอง

 

โดย นางสาวอภิญญา พงศ์อัมพรนารา หรือ น้องเตย หนึ่งในบัณฑิตสาวผู้โชคดี เล่าว่า สาเหตุที่ตนต้องนั่งรถเข็นเนื่องจากวันที่ 30 ตุลาคม ก่อนวันรับพระราชทานปริญญาบัตรเพียง 1 วัน ตนได้ประสบอุบัติเหตุตกบันไดขณะที่ซ้อมรับปริญญา ซึ่งขณะนั้นรู้สึกกังวลมาก กลัวว่ารุ่งเช้าจะไม่ได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร แต่เมื่อถึงพิธีฯ ทางมหาวิทยาลัยก็ได้แจ้งว่าตนเองจะได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเป็นลับดับที่ 1,922 จึงรู้สึกดีใจมาก

ฟังแล้วอดซาบซึ้งแทนไม่ได้!!เปิดใจบัณฑิตสาวมทส.เล่านาทีสำคัญชีวิตสมเด็จพระเทพฯเสด็จลงมาถึงแถวที่นั่งพระราชทานปริญญาบัตรด้วยพระหัตถ์พระองค์เอง

เมื่อถึงช่วงที่พระองค์พักการพระราชทานปริญญาบัตรครึ่งแรก ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย เดินมาบอกว่า สมเด็จพระเทพฯ จะทรงเสด็จมาพระราชทานปริญญาบัตรให้บัณฑิตที่นั่งรถเข็น 2 คน เป็นการเฉพาะด้วยพระองค์เอง ตอนนั้นตนรู้สึกทั้งตกใจ และตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่คิดว่าพระองค์จะทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อตนเองได้ถึงเพียงนี้ เมื่อถึงเวลาที่พระองค์เสด็จมายืนอยู่ต่อหน้าใจก็รู้สึกสั่นและยิ้มอยู่ตลอดเวลา จนกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่ ขณะที่รับพระราชทานจากพระองค์ท่าน ก็ทำให้ตนเองรู้สึกปลื้มปีติยินดีมากที่สุดในชีวิต