นายอธึกกิต แสวงสุข หรือ นามปากกา “ใบตองแห้ง” ซึ่งเป็นนักจัดรายการโทรทัศน์วอยซ์ทีวี และเป็นคอลัมนิสต์ ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งนั้น ได้ออกมาโพสต์ข้อความ

“ใบตองแห้ง” นักจัดรายการ คอลัมนิสต์ วิจารณ์ งานวิ่งตูน แค่ “งานบุญเดือนสิบ+อภิมหาอีเวนท์โชว์กลางเมือง+ฝนดาวตก” ชาวเน็ตสวนเจ็บ

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2560 นายอธึกกิต แสวงสุข หรือ นามปากกา “ใบตองแห้ง” ซึ่งเป็นนักจัดรายการโทรทัศน์วอยซ์ทีวี และเป็นคอลัมนิสต์ ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งนั้น ได้ออกมาโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว Atukkit Sawangsuk เปรียบเปรย การวิ่งของ นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ “ตูน บอดี้สแลม” กับ โครงการ ก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 รพ.ทั่วประเทศ เอาไว้ดังนี้ ...


งานบุญเดือนสิบ+อภิมหาอีเวนท์โชว์กลางเมือง+ฝนดาวตก (เหตุการณ์ที่มีครั้งเดียวในรอบร้อยปีพันปี พลาดไม่ได้)

ไม่ได้บอกว่าในปรากฏการณ์นี้ไม่มี "ความดี" ความใจบุญกุศลอยู่ด้วย มีสิ แต่มันดูเหมือนด้านที่เป็น "วัฒนธรรมป๊อป" ท่วมท้นกว่า

นั่นละครับ ที่เราต้องวิเคราะห์วิจารณ์ "ตูนฟีเวอร์" ไม่ใช่กรูจะไปขัดขาคนทำความดีไรเลย แต่ปรากฏการณ์ "ฟีเวอร์" ที่เกิดรอบตัวตูนมันมีอะไรน่าคิดเยอะมาก ไม่ใช่จะแค่มาแซ่ซ้องสดุดีกันอย่างเดียว มันมีคำถามว่า นอกจากได้เงินทำกุศลแล้ว มันเป็น movement ที่ยกระดับสังคมไทยจริงๆ หรือเปล่า (ตัวอย่างเช่น ทำให้เป็นสังคมที่มีน้ำใจต่อกันมากขึ้น ร่วมแรงร่วมใจกันแก้ปัญหา ฯลฯ) หรือเป็นสังคมจมเปลือกอยู่เช่นเดิม

 


หลังจากนั้นก็มีปรากฏการณ์ ของคนอ่านต่างเข้ามาแสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวาง แต่ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของนายอธึกกิต ซึ่ง
บางส่วนก็บอกว่าทางด้าน นายอธึกกิต นั้นรู้สึกอิจฉา ที่ พี่ตูน สามารถทำอะไรให้สังคมได้อย่างมากมาย บางคนนั้น ถึงกับตั้งคำถาม ว่า นายอธึกกิต เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้กับแผ่นดินนี้บ้างไหม?

 

“ใบตองแห้ง” นักจัดรายการ คอลัมนิสต์ วิจารณ์ งานวิ่งตูน แค่ “งานบุญเดือนสิบ+อภิมหาอีเวนท์โชว์กลางเมือง+ฝนดาวตก” ชาวเน็ตสวนเจ็บ

 

“ใบตองแห้ง” นักจัดรายการ คอลัมนิสต์ วิจารณ์ งานวิ่งตูน แค่ “งานบุญเดือนสิบ+อภิมหาอีเวนท์โชว์กลางเมือง+ฝนดาวตก” ชาวเน็ตสวนเจ็บ

“ใบตองแห้ง” นักจัดรายการ คอลัมนิสต์ วิจารณ์ งานวิ่งตูน แค่ “งานบุญเดือนสิบ+อภิมหาอีเวนท์โชว์กลางเมือง+ฝนดาวตก” ชาวเน็ตสวนเจ็บ

“ใบตองแห้ง” นักจัดรายการ คอลัมนิสต์ วิจารณ์ งานวิ่งตูน แค่ “งานบุญเดือนสิบ+อภิมหาอีเวนท์โชว์กลางเมือง+ฝนดาวตก” ชาวเน็ตสวนเจ็บ

ล่าสุดวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 ทางด้าน นายอธึกกิต แสวงสุข หรือ นามปากกา “ใบตองแห้ง” ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัวอีกครั้งว่า

 

มาพูดกันอย่างวิเคราะห์เจาะลึกอีกที ถึงปรากฏการณ์ "ตูนฟีเวอร์"

 

1.จริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเสื้อสี มันเป็นการมองวัฒนธรรมป๊อป+ความดีแบบไทยๆ ในสังคมทุนบริโภค ด้วยทัศนะลิเบอรัล ซึ่งดูเหมือนมีสีบ้างแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ยกตัวอย่าง ตอนนี้ตูนอาจวิ่งผ่านใต้ แต่ถ้าวิ่งไปลำปางเชียงใหม่ หรือสมมติมีวิ่งผ่านอีสาน ผมว่าปรากฏการณ์ก็คล้ายกัน เผลอๆ จะมีนักการเมืองเพื่อไทยมาวิ่งด้วย (หรือถ้าตูนวิ่งสมัยรัฐบาลเพื่อไทย ก็คงมี รมต.แห่เชียร์)

แดงบางคนอาจมองว่าตูนช่วยรัฐบาล ผมไม่ได้มองอย่างนั้น เพียงแต่ผลของมันมีส่วนเป็นไปเช่นนั้น อย่างที่เคยบอกถ้าตูนวิ่งยุคยิ่งลักษณ์ ก็คงถูกด่าว่าช่วยยิ่งลักษณ์ แล้วทุกรัฐบาลนั่นละ ก็จะโหนกระแส

 

2.ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเจตนาของตูน เขาคิดจะทำในสิ่งที่เขาคิดว่าทำได้ดีที่สุด บางคนอาจมองมากไปว่าตูนยกระดับตัวเอง เขาไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้น เพียงแต่เมื่อทำแล้ว มันย่อมมีผลเช่นนั้น คือกลายเป็นอภิมหไอดอลแห่งความดี

เพียงแต่ในมุมมองของผม ติ๊กไว้ 2 ข้อตั้งแต่เริ่มต้นว่า หนึ่ง มันไม่แตะปัญหาเชิงระบบ ว่าด้วยการจัดสรรงบของรัฐ หรือระบบสาธารณสุข สอง มันจะมีดรามามีกิมมิคมีคนโหนทั้งหวังดีหวังผล (อันเป็นธรรมดา)

 

3.เมื่อตูนเริ่มวิ่ง มันไปไกลกว่าที่คาด เผลอๆ ตูนเองก็ไม่คาดคิด ด้วยกระแสสื่อกระแสโซเชียล (สื่อทุกช่องทางช่วยประโคมภาพประทับใจ ภาพตื้นตัน) พูดอีกอย่าง เราอยู่ในบริบทสังคมดรามา ซึ่งพอบอกว่าเป็นความดี โดยซุปตาร์ กระแสมันก็พาตัวไปเอง (ทุกคนอยากทำดี)

แต่ด้วยบริบทนี้ กระแสที่เกิดขึ้นมันก็มีลักษณะที่... ลองเปรียบเทียบง่ายๆ ถ้ามีซุปตาร์วิ่งในอเมริกา ยุโรป กระแสที่จะตามมาคือ การวิพากษ์วิจารณ์เชิงระบบ ถึงปัญหางบประมาณสาธารณสุข การจัดสรรความจำเป็น ฯลฯ แต่ของเรา แยกจากกันโดยสิ้นเชิง อย่างที่ผมยกตัวอย่าง รัฐบาลกำลังจะแก้กฎหมายบัตรทอง ซึ่งจะมีผลกระทบเชิงระบบอย่างกว้างขวาง ต่องบบัตรทอง 1.6 แสนล้าน ปรากฏว่า “ตูนฟีเวอร์” ไม่สามารถเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย เพราะเป็นความดีแบบที่ต้องอยู่เหนือความขัดแย้ง รับบริจาคไปสิ นี่เรื่องที่รัฐบาล เรื่องที่หมอๆ เขาจะตัดสินใจกัน ตัวตูนเอง ก็ไม่สามารถแสดงความเห็นได้ เพราะต้องรักษาภาพลักษณ์ที่อยู่ห่างจากความขัดแย้ง พูดได้แต่ว่า หมอพยาบาลสู้ๆ

นี่มองไปข้างหน้าได้ด้วยว่า แม้ตูนยกสถานะเป็นอภิมหาไอดอลแห่งความดี ก็ไม่สามารถยุ่งเกี่ยวปัญหาเชิงระบบ เพราะถ้าเข้ามาสู่ความขัดแย้งเมื่อไหร่ โดนด่าทันที ศิลปินดาราล้วนต้องวางตัวเช่นนี้ (ยกเว้นตอนเป่านกหวีด) เช่นดาราไปเป็นพรีเซนเตอร์ UNHCR ได้ แต่ถ้าใครเห็นใจโรฮิงญา เมริงตาย ต้องทำตัวไม่มีสมอง ทั้งที่บางคนอาจมี เช่นตูนจบนิติ จุฬาฯ เกียรตินิยมอันดับ 1 นะเว้ย แต่ถ้าพูดเรื่องความไม่ยุติธรรมในสังคมเมื่อไหร่ แย่เลย แฟนคลับแตก อาจรณรงค์ได้แค่เรื่องเบสิค เช่น เป็นพรีเซนเตอร์ชวนบริจาคเข้ากองทุนยุติธรรม

 

4.คำถามจึงมีว่า การเกิดอภิมหาเซลฟีฟีเวอร์ ตั้งแต่ใต้จรดเหนือ ตลอดความยาว 2 พันกว่ากิโล ตลอด 55 วัน เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตนี้ นอกจากได้เงินบริจาคล้นหลามแล้ว มันบอกอะไร และมันยกระดับสังคมหรือไม่ เช่นที่ถามว่ามันสะท้อนว่า เราเป็นสังคมดีมีน้ำใจต่อกันมากขึ้นจริงๆ หรือ

หรือว่าไม่ได้เปลี่ยนอะไรหรอก เพราะเรื่องบริจาคการกุศล คนไทยทำกันอยู่แล้ว เพียงแต่มันเป็นกระแสฟีเวอร์ มหาอีเวนต์ ที่ปลุกคนล้นหลามเข้าร่วม ที่อาจจะแค่ผ่านมาแล้วผ่านไป เหมือนตูนวิ่งผ่าน 3 จังหวัด บอกว่าพื้นที่สีชมพู แต่พอผ่านพ้น ก็ตูมๆๆ สนั่น

พูดงี้เรียกร้องตูนมากไปหรือเปล่า เขาคงไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้น ใช่ครับ ผมว่าตูนเองก็อาจเซอร์ไพรส์ หรือตกใจหน่อยๆ ด้วยซ้ำ (ใครจะอยากเป็น God หลังจากนี้เขาก็คงอยากมีชีวิตธรรมดาๆ อย่างมีความสุขมากกว่า) แต่กระแสต่างหากที่ขับเคลื่อนตัวเองโดยอัตโนมัติ แล้วก็ผลักก้นตูนให้เป็นเทพ

 

คำถามตามมาอีกข้อคือ ตกลงมันเป็น Movement ที่มาจากอิทธิพลของอะไร ของการทำดี ที่ไม่ปฏิเสธว่ามันมีอยู่วัฒนธรรมไทย แต่มันก็มีอิทธิพลของวัฒนธรรมบริโภค กระแสสังคมแบบฟีเวอร์วูบวาบ อย่างที่เราเห็นกันมาตลอด (และยิ่งจะมากขึ้นๆ) ด้วยใช่ไหม แล้วคุณว่าด้านไหนมากกว่า มันตอกย้ำหรือพัฒนาสังคมไทย

ไม่ด่วนสรุปก็ได้ จะรอดูให้ครบ 55 วัน และหลังจากนั้น

 

5.ที่จริงเรื่องนี้ไม่ต้องพูดก็ได้ วิวาทะกับแฟนคลับพี่ตูนไปทำไม ในเมื่อส่วนใหญ่ก็ดูจะเป็น "คนรุ่นใหม่" (เขียนด่าประยุดไปดีกว่า) แต่จริงๆ เรื่องนี้มันก็มีความเป็นการเมือง เพียงแต่ลึกกว่าเหลืองแดง คือมันเข้าสู่ timing ที่จะต้องวิพากษ์วัฒนธรรมป๊อป ที่ดูเหมือนจะเป็นเสรีนิยม แต่ความจริงเป็นวัฒนธรรมทุนนิยมบริโภคในกรอบจารีตไทย

 

และก็เหมือนเดิม มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่ ก็ตั้งคำถามกลับไปยัง นายอธึกกิต เคยทำอะไรให้กับสังคมบ้างไหม หรือได้เพียงแต่วิพากษ์วิจารณ์ คนอื่นเท่านั้น?

 

 

“ใบตองแห้ง” นักจัดรายการ คอลัมนิสต์ วิจารณ์ งานวิ่งตูน แค่ “งานบุญเดือนสิบ+อภิมหาอีเวนท์โชว์กลางเมือง+ฝนดาวตก” ชาวเน็ตสวนเจ็บ

“ใบตองแห้ง” นักจัดรายการ คอลัมนิสต์ วิจารณ์ งานวิ่งตูน แค่ “งานบุญเดือนสิบ+อภิมหาอีเวนท์โชว์กลางเมือง+ฝนดาวตก” ชาวเน็ตสวนเจ็บ

“ใบตองแห้ง” นักจัดรายการ คอลัมนิสต์ วิจารณ์ งานวิ่งตูน แค่ “งานบุญเดือนสิบ+อภิมหาอีเวนท์โชว์กลางเมือง+ฝนดาวตก” ชาวเน็ตสวนเจ็บ

“ใบตองแห้ง” นักจัดรายการ คอลัมนิสต์ วิจารณ์ งานวิ่งตูน แค่ “งานบุญเดือนสิบ+อภิมหาอีเวนท์โชว์กลางเมือง+ฝนดาวตก” ชาวเน็ตสวนเจ็บ