ช้างๆทำไมถึงทำกับฉันได้.....!!! แปดริ้วบูรณาการ กันช้างป่าเจ้า “หูแดง” เข้าพื้นที่ชุมชน-ทำลายพืชผลทางการเกษตร บางรายหมดตัวกินข้าวทั้งแปลง

ทีมข่าวเฉพาะกิจรายงานว่า เมื่อเวลา  13.00 น (วันที่ 14 พ.ย. 2560 ) สถานการณ์ช้างป่าที่ออกมาหากินนอกป่ายังคงสร้างผลกระทบกับชาวบ้านเป็นวงกว้าง ทั้งพืชผลทางการเกษตรโดยเฉพาะนาข้าว เสียหายไปแล้วนับร้อยๆไร่ ล่าสุด หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พร้อมด้วยทหาร พราน1306 น้องคอก กรมที่ 13 จังหวัดสระแก้ว และฝ่ายปกครอง จ.ฉะเชิงเทรา ลงพื้นที่ พบปะผู้นำชุมชนและชาวบ้าน เพื่อรับทราบปัญหาและความต้องการ เพื่อร่วมบูรณาการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปด้วยกัน โดยจัดตั้งชุดเฝ้าระวังและติดตามช้างป่า กับมาตรการไล่ต้อนช้างไม่ให้ลงกินข้าวในแปลงนาหรือเข้าใกล้ชุมชน ส่วนปัญหาระยะยาว เตรียมนำเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณา หาทางแก้ไขต่อไป เรื่องนี้ นายเดชา นิลวิเชียร หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน พร้อมด้วย พ.อ.ชายธนัญชา วาจรัต ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 13 รวมทั้งฝ่ายปกครองอำเภอท่าตะเกียบ และเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่หมู่ที่ 5 บ้านหนองปรือกันยาง ต.ท่าตะเกียบ พบว่า มีฝูงช้างป่าจำนวนมากมาอาศัย และออกมาสร้างความเดือดร้อน ด้วยการพากันออกจากป่า มากินพืชไร่ทำให้ข้าวในนาข้าวในนาได้รับความเสียหายเป็นมากกว่า 500 ไร่ ที่ผ่านมาชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ป่าไม้และทหาร ร่วมกันจัดตั้งชุดเฝ้าระวังเพื่อ ผลักดัน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานช้างป่าที่มีจำนวนนับร้อยๆ ตัวได้ พืชผลการเกษตร ข้าวในแปลงนา จึงถูกช้างป่าพากันลงไปกิน บางแปลงต้นข้าวไม่มีเหลือเลย

นายปัญญา วาจาดี ผู้ใหญ่บ้านหนองปรือกันยาง กล่าวว่า ที่ผ่านมาในตอนเย็นๆของทุกวัน ช้างจะเริ่มทยอยเดินออกจากป่ามาเป็นฝูง ๆ ละ 50 – 80 เชื่อกบางฝูงมากกว่า 100 เชื่อกด้วยซ้ำ ที่อาศัยอยู่ตามป่าเชิงเขา เช่น เขางูเหลือม เขาไผ่ เขานางหล่อง เขายายซิ้ม เขาป่าปาล์มหรือเขาสามร้อย เขตอำเภอท่าตะเกียบ แต่ละฝูงๆมาร่วมกันราว 300 เชิ่อกตอนนี้ช้างเริ่มปรับพฤติกรรมการออกหากินคือ แยกออกเป็นฝูงหรือกลุ่มเล็กๆกลุ่มละ 10 – 20 ตัว เน้นนาข้าวเป็นหลัก และยังใช้ความฉลาดแสนรู้สาเหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะช้างถูกกดดันจากการเฝ้าระวังของชาวบ้านและเจ้าหน้าที่มากขึ้น เหมือนออกอุบายคือแสดงตัวให้เห็น 2 – 3 ตัว เมื่อเจ้าหน้าที่ไล่ต้อน ก็จะทำทีเป็นเดินเข้าป่า ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งจำนวนนับสิบๆ ตัว ก็แอบซ่อนในป่าทึบ เมื่อเจ้าหน้าที่หรือชาวบ้านติดตามช้าง 2- 3 ตัว ไป ทางนี้ ก็จะค่อยๆเดินออกจากที่ซ่อน ข้ามถนนอย่างรวดเร็ว ก่อนแยกกลุ่มออกไปหากินตามนาข้าว บางฝูงก็ไม่กลับเข้าป่าด้วยการอาศัยอยู่ในป่าปาล์ม สวนยูคาฯหรือ ที่รกทึบ และพลางตัวอยู่ช่วงกลางวัน กลางคืนก็ออกหากินด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านจึงไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว เมื่อช้างออกหากินแบบดาวกระจาย

นายเดชา นิลวิเชียร หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาช้างป่าที่ออกมานอกป่า เป็นปัญหาที่ต้องร่วมกันแก้ไข โดยจะร่วมกับชาวบ้าน ผู้นำชาวบ้าน ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ระดมกำลังมาร่วมกันทำงาน ทั้งการเฝ้าระวังและการติดตาม แต่ละชุดประจำหมู่บ้านหรือตามจุดต่างๆ สามารถติดต่อสื่อสารแจ้งข้อมูลช้างป่าได้ตลอด จากนั้น ก็จะใช้วิธีการติดตาม ให้พบที่อยู่อาศัยของช้าง เพื่อวิเคราะห์เส้นทางที่ช้างจะออกไปหากินบริเวณไหน โดยเน้นไม่ให้เข้าไปใกล้ชุมชน หมู่บ้านโดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน ส่วนปัญหาระยะยาว จะรวบรวมข้อมูล สภาพปัญหาทั้งหมด เตรียมเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาระยะยาวให้ชาวบ้าน ต่อไป นายเดชา นิลวิเชียร กล่าวในที่สุดในขณะที่เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยและชาวบ้านกำลังตรวจสอบสถานที่อยู่นั้นได้พบกับช้างจำนวนหนึ่งประมาณ 8 เชื่อก มีจ่าฝูง ชื่อเจ้า “หูแดง” ได้พยายามข้ามถนนไปยังแหล่งชุมชน เมื่อพบเจ้าหน้าที่ก็หันรีหันขวาง 2 จิตร 2 ใจ ว่าจะข้ามดีหรือไม่ ขณะนั้นมีชาวบ้านบ้านจอด รถ จยย.แบบผู้หญิงอยู่อีกฝั่งถนน เจ้า “หูแดง” จึงเดินปรี่เข้าไปใช้งวงฟาดรถ จยย.จนล้มลงแล้วรีบวิ่งเข้าป่าไป

ภาพ/ข่าว สุทัศน์ บุญช่วยเหลือ ทีมข่าวเฉพาะกิจสำนักข่าวทีนิวส์ศูนย์ข่าวภาคตะวันออก