"เพชรหน้าทั่ง" ธาตุกายสิทธิ์ ของขลังธรรมชาติ!!..เมืองลับแลดินแดนอาถรรพ์..ให้โชคลาภ อยู่ยงคงกระพัน!!

"เพชรหน้าทั่ง" ธาตุกายสิทธิ์ ของขลังธรรมชาติ!!..เมืองลับแลดินแดนอาถรรพ์..ให้โชคลาภ อยู่ยงคงกระพัน!!

บทความนี้ผู้เขียนจะพาท่านผู้ชมมารู้จักกับเครื่องรางอาถรรพ์…ของขลังแห่งเมืองลับแล.. ”เพชรหน้าทั่ง เพชรมหามงคล” ซึ่งมีสรรพคุณ 108 เป็นธาตุกายสิทธิ์ที่มีฤทธิ์เป็นรองเฉพาะเหล็กไหลเท่านั้น ที่ภาคใต้เคยมีเรื่องราวเกี่ยวกับเกาะลอยหมู่บ้านประหลาดที่สามารถโผล่ขึ้นมากลางทุ่งโคลนได้อย่างน่าอัศจรรย์และสามารถหายลับตาไปเฉยๆได้อย่างน่าแปลกประหลาด!!

 

"เพชรหน้าทั่ง" ธาตุกายสิทธิ์ ของขลังธรรมชาติ!!..เมืองลับแลดินแดนอาถรรพ์..ให้โชคลาภ อยู่ยงคงกระพัน!!

มีเรื่องเล่ากันมาว่ามีบางคนที่ผ่านเข้าไปในเมืองนี้จะได้รับขมิ้นบ้าง ใบพลูบ้างดูแล้วเป็นของที่ไม่มีค่าบางคนจึงทิ้งหยิบทิ้งไปบ้างในระหว่างทางแต่พอมาถึงบ้างตนแล้วก็กลับพบว่าของต่างๆที่ตนไม่เห็นค่ำในตอนแรกบัดนี้กลับกลายมาเป็นทองคำทั้งสิ้นเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุจากต่างมิติเช่นนี้ปรากฏให้เห็นอยู่เสมอมีหลายคนที่ได้ประจักษ์มาแล้วซึ่งชาวลับแลนี้มีของดีหลายอย่าง

ที่จังหวัดพัทลุง เมืองเขาสามร้อยยอด ก็ปรากฏเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองลับแลและธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็น “เพชรเมืองคนธรรพ์” หรือเพชรเมืองลับแล ของดีสรรพคุณ 108 ประการที่ทุกคนต่างปรารถนาเพชรของชาวเมืองคนธรรพ์ที่ชาวบ้านพบเจอนั้นเขาเรียกกันว่า..

“เพชรหน้าทั่ง” มีลักษณะเป็นโลหะผลึกเล็กๆ ฝังอยู่ภายในเนื้อหินตามธรรมชาติคล้ายๆกับเหล็กไหลที่ฝังตัวอยู่ตามผนังถ้ำหรือคล้ายกับปรอทสำเร็จที่ฝังตัวลงในผนังหินตามธรรมชาติก้อนโลหะต่างๆ เหล่านั้นต่างมีลักษณะสัณฐานสี่เหลี่ยมโดยประมาณที่หกหรือแปดเหลี่ยมมีสีขาวเงินยวงที่ออกเป็นเหลืองครามหรือเขียวปีกแมลงทับก็มีบ้าง

"เพชรหน้าทั่ง" ธาตุกายสิทธิ์ ของขลังธรรมชาติ!!..เมืองลับแลดินแดนอาถรรพ์..ให้โชคลาภ อยู่ยงคงกระพัน!!

บางชิ้นก็เป็นสีออกประกายทอง หรือ ทองสีออกเป็นทองแดงเลยก็มี บางคนเรียก “เหล็กสายฟ้า” อยู่ในตระกูล “อัญมณี” ประกอบด้วยธาตุที่เป็นทองคำและแร่เงินผสมอยู่ด้วยกัน สีจึงออกเหลืองนวลอมทอง อมเงิน และหากโดนปฏิกิริยาทางเคมีก็จะกลายเป็นสีทอง นับว่าเป็นของดีที่หาค่ามิได้เชื่อกันว่ากายสิทธิ์ชนิดนี้มีฤทธิ์เป็นน้องเหล็กไหลมีอานุภาพมากครูบาอาจารย์ทางใต้ต่างรู้สรรพคุณแร่ชนิดนี้ดีทั้งนั้น
อย่างพ่อท่านแดงจังหวัดปัตตานี ที่ทำพระเครื่อง"หลวงปู่ทวดรุ่น ๕ แชะ" อันเลื่องชื่อที่มีการลองความขลังโดยใช้ปืนจ่อยิงองค์พระเครื่องปรากฏว่าทั้ง ๕ นัดที่ทดลองกระสุนด้านทั้งสิ้น จึงเป็นที่มาของรุ่น ๕ แชะนี่เองพระเครื่องของท่านก็ได้อาศัยธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ทำการฝังลงไปยังด้านหลังขององค์พระกล่าวกันว่าหลวงพ่อท่านได้ทำการปลูกเสกจนกระทั้ง เพชรหน้าทั่งส่องแสงประกายเรืองรองออกมาภายในกุฏิยามกลางคืน

ท่านว่ากายสิทธิ์ชนิดนี้ดีจริงๆ มีพุทธคุณครบทุกด้าน เพชรหน้าทั่ง นี้ผู้รู้กล่าวกันว่าเป็นของกายสิทธิ์ที่มีเทพทั้งฝ่ายยักษ์และฝ่ายคนธรรพ์ดูแลรักษาอยู่ถ้าใครบารมีไม่ถึงไปเอาเองโดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ยินยอมให้ก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้นค่ะ

"เพชรหน้าทั่ง" ธาตุกายสิทธิ์ ของขลังธรรมชาติ!!..เมืองลับแลดินแดนอาถรรพ์..ให้โชคลาภ อยู่ยงคงกระพัน!! การจะเอา เพชรหน้าทั่ง มาได้นั้นแม้ว่าจะไม่ได้มาด้วยการใช้วิชาแบบตัดเหล็กไหลแต่เขาก็เรียกว่าเป็นการตัดเพชรออกมาเช่นกันคือการขอพลีเอามาอย่างถูกวิธีโดยให้เจ้าป่าเจ้าเขายินยอมมอบให้เท่านั้นจึงจะสามารถนำกลับได้มาอย่างปลอดภัยค่ะ

กายสิทธิ์ของดีแห่งเมืองลับแลเป็นของที่มีอานุภาพมากมีเจ้าปู่ตาเพชรเป็นพลังงานวิญญาณ หรือ จิตรักษาที่คอยดูแลรักษาธาตุชนิดนี้อยู่โดยเฉพาะการบูชาท่านให้น้ำเอาดอกมะลิกับน้ำฝนเท่านั้นมาเป็นของถวาย เจ้าปู่ตาเพชร และจะต้องทำการรักษาบูชาให้ดีจึงจะบังเกิดโชคลาภนานาประการ…

ผู้บูชาไว้ไม่มีอดอยากยากจนเลยนอกจากนั้น เพชรหน้าทั่ง ยังสามารถพกติดตัวเอาไปได้ทุกที่ ไม่มีเสื่อม!!
 แต่หากปฏิบัติตัวไม่ดีองค์เพชรหน้าทั่งก็สามารถเสด็จหนีไปได้เหมือนกันคล้ายๆกับพระธาตุเจ้านั่นแล…

“โบราณเชื่อกันว่า เพชรหน้าทั่ง เป็นธาตุกายสิทธิ์ที่จะทำให้ ผู้ที่เป็นเจ้าของเกิดความร่ำรวย มักจะอยู่ในเขตที่มีสายแร่ทองคำภายใต้ภูเขาลูกนั้น ก้อนนี้สังเกตได้ว่าจะเป็นสายแร่ล้วนไม่มีแร่อื่นปนเลย ที่สำคัญสีนั้นออกสีทองเหลืองอร่ามสวยงาม”

"เพชรหน้าทั่ง" ธาตุกายสิทธิ์ ของขลังธรรมชาติ!!..เมืองลับแลดินแดนอาถรรพ์..ให้โชคลาภ อยู่ยงคงกระพัน!!

สำหรับ”การบูชาเพชรหน้าทั่ง,เพชรมหามงคล”ท่านบอกไว้ว่าผู้ที่มี เพชรหน้าทั่งไว้บูชาควรใช้ดอกมะลิ บูชาเมื่อออกจากบ้านไปหาลาภ ไห้ว่าคาถาข้างล่างนี้ 3 จบจะมีโชคมีลาภปราศจากโรคปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง!!..

 "จุติ จิตตัง อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ" เป็นคำแนะนำการบูชาของดีที่จัดอยู่พวกเครื่องรางของขลังป้องกันตัวประเภทธาตุกายสิทธิ์ โดยธรรมชาติ[ชาวใต้มั่นใจในอิทธิสรรพคุณของ "เพชรหน้าทั่ง"นั้นว่ากันว่าจะเป็นรองก็แต่เฉพาะเหล็กไหลเท่านั้นค่ะ

***ทั้งนี้ผู้เขียนได้นำข้อมูล เกี่ยวกับ เพชรหน้าทั่ง มาบรรยายอธิบายเพิ่มเติมอีกด้วยค่ะ …

เพชรหน้าทั่ง" เป็นคำๆ หนึ่งที่หลายๆคนไม่ทราบว่าคืออะไร บางคนอาจจะคิดว่า เพชรหน้าทั่ง คือเพชรชนิดหนึ่ง หรือบางคนอาจคิดว่า เป็นลักษณะการเจียระไนเพชร รูปแบบหนึ่ง แต่ทั้งหมดเป็นความเข้าใจที่ผิด ที่จริงแล้วเพชรหน้าทั่งคือแร่โลหะผิวเรียบที่มีลักษณะของผลึกคล้ายๆ กับลูกเต๋า เพชรหน้าทั่ง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า "ไพไรท์" (Pyrite) หรือ FeS2 คำว่าไพไรท์ มาจาก Pyr ในภาษากรีก ซึ่งแปลว่าไฟ เพราะเมื่อนำก้อนไพไรท์ ไปตีกระทบกับเหล็กกล้า และจะเกิด ประกายไฟขึ้นมา

สีของผิวโลหะชนิดนี้ ในระยะแรกจะมีสีขาว วาวคล้ายเนื้อเหล็ก แต่เมื่อทิ้งให้สัมผัส กับอากาศนานๆ จะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองใกล้เคียงกับสีของแร่ทองมาก คนสมัยก่อน จึงนึกว่าเป็นทองคำ ไพไรท์จึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ทองคนโง่ (Fool Gold)

สำหรับความแตกต่างของไพไรท์ กับทองคำนั้น หากนำแร่ทั้งสองในขนาดเท่ากัน มาชั่งจะพบว่าไพไรท์จะเบากว่า นอกจากนี้ไพไรท์ จะมีผงแร่ออกสีเขียวดำ หรือน้ำตาลดำ ต่างจากทองคำ ซึ่งจะเป็นสีทองเสมอ เราพบแร่ชนิดนี้ ในหลายจังหวัดของไทย เช่น สงขลา เพชรบูรณ์ ฉะเชิงเทรา สระบุรี ลพบุรี นครราชสีมา แพร่ และพบเป็นแหล่งใหญ่ ที่อำเภอท่าศาลา นครศรีธรรมราช และอำเภอบันนังสตาร์ ในจังหวัดยะลา ส่วนในต่างประเทศ จะพบแร่ไพไรม์ที่ประเทศ สเปน อิตาลี โปรตุเกส เยอรมัน ฯลฯ เป็นที่สังเกตว่าขนาดของผลึกไพไรท์ในเมืองไทย จะมีขนาดของผลึกเล็กกว่า ไพไรท์ที่พบในต่างประเทศ อย่างเช่น ผลึกไพไรท์ของสเปน จะมีขนาดใหญ่ และมีรูปลักษณะลูกบาศก์โดยชัดเจน

"เพชรหน้าทั่ง" ธาตุกายสิทธิ์ ของขลังธรรมชาติ!!..เมืองลับแลดินแดนอาถรรพ์..ให้โชคลาภ อยู่ยงคงกระพัน!!

สำหรับประโยชน์ ทางอุตสาหกรรม ไพไรท์จะถูกนำไป ใช้ทำกรดกำมะถัน และใช้ในการทำสีย้อม ทำหมึก ทำยารักษาเนื้อไม้ และย่าฆ่าเชื้อโรค

ในเมืองไทยมีความเชื่อกันว่า "เพชรหน้าทั่ง" หรือไพไรท์นี้ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีการนำเพชรหน้าทั่ง มาประดับเป็นหัวแหวน เพื่อใช้เป็นเครื่องรางของขลัง

จากเท่าที่ผู้เขียนได้สืบทราบ มาจากคนโบราณ เขาลือว่าเพชรหน้าทั่ง เป็นเครื่องราง ของขลัง อุปมาดั่งเหล็กไหล กันเสนียดจัญไร กันศาสตราคมทั้งหลาย ที่จะเข้า หาตัวทั้งหมด จึงนำมาใช้ในการ พระราชสงครามและ

ความเชื่อ ในสมัยกรุงศรีอยุธยานี้ ก็ได้ส่งผล มาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นด้วย ที่เมืองนครศรีธรรมราช ก็จะมีเพชรหน้าทั่ง เหมือนกัน เขาจะทำเป็น แหวนนะโม ทำเป็นแหวน 2 กษัตริย์ หรือทำเป็น เครื่องรางของขลัง และนอกจากการนำเพชรหน้าทั่ง มาทำแหวนแล้ว ที่นครศรีธรรมราช พัทลุง ก็มีการนำเพชรหน้าทั่ง มาหุ้มด้วยทอง หรือเงินนำมาประกอบ เข้ากับสร้อย สองกษัตริย์ด้วยค่ะท่านผู้ชม

ขอขอบคุณท่านผู้เป็นเจ้าของเครดิตภาพที่ผู้เขียนได้นำมาจาก (อินเตอร์เน็ต)เพื่อใช้ในการแสดงประกอบเนื้อหาสาระข้อมูลนี้ค่ะ..และขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพและข้อมูลจาก:วิกิพีเดีย,และข้อมูลเพิ่มเติม(บางส่วน)จาก :อินเตอร์เน็ตค่ะ
เรียบเรียงโดย: โชติกา พิรักษา และ ศศิภา ศรีจันทร์ ตันสิทธิ์