- 23 พ.ย. 2560
ติดตามข่าวเพิ่มเติม Facebook : Deeps News
เมื่อวันที่ 21พ.ย.60 นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(อทช.) นายประลอง ดำรงค์ไทย โฆษกกระทรวงฯ นายโสภณ ทองดี รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และ นางสาวเฉลิม ลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรี เมืองป่าตอง
นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการชายหาดปลอดบุหรี่ ตลอดจนประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับการประกาศเพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพในด้านการป้องกันภัยคุกคามทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และภัยต่อสุขภาพจากบุหรี่บริเวณพื้นที่ชายหาด ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 ณ บริเวณชายหาดป่าตอง ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต
ซึ่งก่อนหน้านี้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ลงพื้นที่ชายหาดป่าตองทำการสำรวจปริมาณก้นบุหรี่โดยวิธีสุ่มเก็บข้อมูลเชิงปริมาณตลอดแนวชายหาด ด้วยการขุดสำรวจความลึกในพื้นทรายตั้งแต่ระดับความลึกที่ระดับ 5 ซ.ม จนถึง 20 ซ.ม พบว่ามีก้นบุหรี่ จำนวน 101,000 ชิ้น คิดเป็น 0.76 ชิ้นต่อตารางเมตร และข้อมูลจากเทศบาลเมืองป่าตอง พบว่าภายหลังได้ดำเนินการตามนโยบายชายหาดปลอดบุหรี่ โดยจัดพื้นที่สำหรับเป็นจุดสูบบุหรี่เพื่อบริการนักท่องเที่ยว พบนักท่องเที่ยวได้ให้ความร่วมมือในการมาใช้บริการสูบบุหรี่ในจุดที่ทางเทศบาลเมืองป่าตองกำหนดไว้ เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ และปริมาณก้นบุหรี่ที่เก็บได้จากจุดสูบบุหรี่ใน 1 สัปดาห์เก็บได้กว่า 15 กิโลกรัม
สำหรับโครงการชายหาดปลอดบุหรี่ในพื้นที่นำร่อง 24 หาดทั่วประเทศ หลังจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ร่วมกับกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมทำเอ็มโอยูร่วมกับผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้ว ทุกชายหาดก็จะมีนักท่องเที่ยวสอบถามและมีการให้ความเข้าใจนักท่องเที่ยวทุกแห่งแล้ว ส่วนใหญ่ตนคิดว่า ทุกคนยอมรับในนโยบายนี้ แล้วก็อยากจะให้มีการประกาศใช้มาตรการดังกล่าวในทุกพื้นที่ทุกชายหาดพร้อมกันหมด
โดยในอนาคตอันใกล้นี้ ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กำลังร่างกฎหมายในการกำหนดพื้นที่สาธารณะเป็นพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ ซึ่งพื้นที่สาธารณะอาจจะรวมไปถึงพื้นที่ชายหาดด้วย เพราะฉะนั้นตนคิดว่า นโยบายเรื่องของการไม่ให้สูบบุหรี่บนชายหาด ก็เป็นนโยบายที่ตนคิดว่าทุกภาคส่วนให้ความสำคัญ คิดว่าสามารถที่จะทำให้การท่องเที่ยวเป็นไปอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญสุดคือชายหาดไม่ต้องถูกคุกคามเรื่องภัยที่เป็นสิ่งที่ทำให้ชายหาด น้ำทะเล และทำให้สัตว์ทะเลมีปัญหา