- 02 ม.ค. 2561
ติดตามข่าวเพิ่มเติม Facebook : Deeps News
เมื่อวันที่ 2 ม.ค.61 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เปิดเผยข้อมูล กรณีที่ปรากฏเป็นข่าวสื่อไทยรัฐ ประจำวันที่ 31 ธันวาคม 2560 กรณีปลาวาฬบรูด้า ยาว 8 เมตร ตายลอยอืดดอนหอยหลอด ติดคอกหอยแมลงภู่ว่า ในส่วนของการดำเนินการของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งนั้น
เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน (ศวทบ.) สังกัดสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ดำเนินการลากซากวาฬดังกล่าวจากบริเวณแปลงหอยแมลงภู่ มายังชายฝั่ง ต.บางแก้ว จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อผ่าพิสูจน์ซากหาสาเหตุการตาย นำโดยนายสุรศักดิ์ ทองสุกดี นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษ สพ.ญ.ราชาวดี จันทรา (ศวทบ.) เเละ น.สพ.วีรพงษ์ เหล่าเวชประสิทธิ์ (ศวทอ.) โดยประสานงานร่วมกับ นายวิสูตร นวมศิริ คณะกรรมการ ทช. จังหวัดสมุทรสงคราม ร่วมกันชันสูตรด้วย
ทั้งนี้ ผลการชันสูตรซากวาฬบรูด้าตัวดังกล่าว พบว่า เป็นลูกวาฬบรูด้า เพศเมีย อายุประมาณ 4-6 เดือน มีความยาว 5.35 เมตร น้ำหนักประมาณ 1 ตัน สภาพซากเน่ามาก คาดว่า ตายมาเเล้วไม่ต่ำกว่า 7 วัน ทั้งนี้ยังพบว่า สภาพภายนอกอืดบวม ด้านซ้ายของลำตัวพบการไหม้ของผิวหนังเนื่องจากแสงแดด ส่วนของลิ้นพบ tongue fold (ลักษณะที่ปรากฏในลูกวาฬ) พบลักษณะรอยคั่งเลือดและบวมน้ำบริเวณด้านขวาตลอดความยาวลำตัว และพบหอยแมลงภู่จำนวน 7 ตัวบริเวณคอหอย และ 1 ตัวบริเวณหลอดลมส่วนต้น กล้ามเนื้อหัวใจและลิ้นหัวใจปกติ กระเพาะอาหารไม่พบอาหาร ตั้งแต่ลำไส้ส่วนต้นจนถึงลำไส้ใหญ่ส่วนท้าย พบคราบน้ำนมตลอดความยาวลำไส้
อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยอีกว่า อวัยวะภายในอื่นๆเช่น ปอด ตับ ไต ม้าม เละ เน่ามากไม่สามารถตรวจสอบรอยโรคได้ ดังนั้นเนื่องจากวาฬมีสภาพซากเน่ามาก ร่วมกับไม่พบรอยโรคที่บ่งชี้สาเหตุการตาย จึงไม่สามารถสรุปสาเหตุการตายได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสถานภาพวาฬบรูด้าในอ่าวไทย มีประชากรประมาณ 50 ตัว โดยจากฐานข้อมูลการระบุตัวตนด้วยภาพถ่าย (Photo Identification) ของกรม ทช. ซึ่งดำเนินการศึกษาโดยศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน (ศวทบ.) สามารถจำแนกอัตลักษณ์ของวาฬ พร้อมทั้งตั้งชื่อวาฬไว้ รวมประมาณ 60 ตัว ซึ่งในปี พ.ศ. 2560 พบแม่ลูกเกิดใหม่ จำนวน 4 คู่ ได้แก่ แม่กันยา ลูกชื่อเจ้าปิ่น ,แม่สาคร ลูกชื่อเจ้าสาคู ,แม่พาฝัน ลูกชื่อเจ้ายินดี, แม่ทองดี ลูกยังไม่ได้ตั้งชื่อ
โดยในปี พ.ศ. 2560 พบว่ามีอัตราการเกิดมากกว่าอัตราการตาย โดยอัตราการเกิด ปี พ.ศ.2560 ประมาณ 8% (4 ตัว) ส่วนอัตราการตาย ปี พ.ศ.2560 ประมาณ 6% (3 ตัว) โดยตัวนี้เป็นตัวที่ 3 ส่วนในปีอื่น ๆ พบมีอัตราการตายประมาณ 2-4% เว้นเเต่ในปี พ.ศ. 2559 มีอัตราการตายประมาณ 15% ซึ่งมากกว่าอัตราการเกิด จากการศึกษาของ ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน (ศวทบ.) สังกัดสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน พบว่า ขณะนี้มีคู่แม่ลูกวาฬในอ่าวไทยตอนบน จำนวน 16 คู่ วาฬบรูด้ากินปลาขนาดเล็ก เช่น ปลากะตัก ปลาไส้ตัน ปลาแป้น เป็นอาหาร ตัวเต็มวัยมีความยาวประมาณ 15 เมตร น้ำหนักประมาณ 20-30 ตัน เพศเมียตัวใหญ่กว่าเพศผู้เล็กน้อย ตั้งท้องนาน 12 เดือน ออกลูกเป็นประจำทุก 2 ปี ลูกเเรกเกิดยาวประมาณ 3.5-4.0 เมตร โดยพบวาฬบรูด้าแพร่กระจายตลอดแนวชายฝั่งทั้งอ่าวไทย เเละอันดามัน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันวาฬบรูด้าจัดเป็นสัตว์คุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนเเละคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ทั้งนี้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้การดำเนินการศึกษาวิจัยและติดตามจำนวนประชากรวาฬบรูด้า อย่างต่อเนื่องในพื้นที่อ่าวไทย เพื่อหาแนวทางในการบริหารจัดการในเชิงพื้นที่และถิ่นอาศัย รวมทั้งกำหนดมาตรการท่องเที่ยวชมวาฬบรูด้าอย่างถูกวิธี นอกจากนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มีแนวทางการดำเนินงานด้านต่างๆ เพื่อลดจำนวนการตายของสัตว์ทะเลหายาก ไม่ว่าจะเป็นโลมา วาฬ เต่าทะเล หรือพะยูน ทั้งที่มีสาเหตุจากการติดเครื่องมือประมง
โดยดำเนินการร่วมกับกรมประมง หรือลดการตายที่มีสาเหตุจากการกินขยะทะเล โดยรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ลดการทิ้งขยะลงสู่ท้องทะเล รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาสัตว์ทะเลหายากที่มีชีวิต โดยจัดสร้างศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายาก จัดหารถช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากเคลื่อนที่ จัดให้มีสัตวแพทย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยชีวิต ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อนโยบายของรัฐและประโยชน์ต่อการสงวน อนุรักษ์ ฟื้นฟู และบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์ทะเลหายาก และทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน ต่อไป