เอามั้ย ... ทางด่วน รถเมล์ มอเตอร์เวย์ ขอขึ้นราคา!!!!

ชีวิตรันทด ค่าแรงยังไม่ขึ้น แต่ขนส่งรัฐแห่ปรับราคา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)  เตรียมพิจารณาปรับขึ้นค่าทางด่วนขั้นที่ 2 หลังครบ 5 ปี ที่ไม่ได้มีการปรับขึ้นราคามา 5 ปีแล้ว โดยจะพิจารณาปรับค่าผ่านทางระบบทางด่วนขั้นที่..2 หรือทางพิเศษศรีรัช ที่ประกอบด้วยส่วนA พระราม 9 - รัชดาภิเษก //ส่วนบี พญาไท - บางโคล่ //ส่วนซี รัชดาภิเษก - แจ้งวัฒนะ และส่วนดี พระราม 9- ศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นไปตามสัญญาทุกๆ 5 ปี โดยปรับราคาล่าสุดเมื่อวันที่..1 กันยายนปี 2556 และมีกำหนดปรับอัตราค่าผ่านทางครั้งต่อไปในวันที่ 1 กันยายน 2561 ขณะนี้กทพ.จะตั้งคณะกรรมการพิจารณาแนวทางขึ้นราคาในช่วงเดือนมีนาคม ก่อนเสนอเข้าสู่ครม.ก่อนเดือนกันยายน 2561 เนื่องจากหากขึ้นราคาจะมีผลใน เดือนกันยายน ทั้งนี้การปรับขึ้นราคาจะมีเงื่อนไขโดยวัดจากค่าดัชนีผู้บริโภค (CPI) ที่จะประกาศในช่วงเดือนเมษายนนี้ หากตัวเลขเข้าเงื่อนไข....... จะปรับราคาเพิ่มขึ้นที่ 5 บาทสำหรับรถยนต์ 4 ล้อ ส่วนยานพาหนะประเภทอื่นจะมีราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับไป

นอกจากค่าทางด่วนที่จะปรับขึ้นแล้ว ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ตอนกรุงเทพฯ-พัทยา หรือ มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2561 เป็นต้นไป ซึ่งการจัดเก็บค่าธรรมเนียมใหม่จะอยู่ภายใต้ระบบปิด หรือ การควบคุมทางเข้าออกแบบสมบูรณ์ โดยมีการกั้นรั้วถาวร ตลอดแนวเขตทางและให้เป็นทางหลวงที่เก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางในระบบปิด ในช่วงชลบุรี-พัทยา เสร็จเรียบร้อยแล้ว
"ถ้าจะไปพัทยาในอดีต จะเจอด่านขวางอยู่ 2 ด่าน ๆ ละ 30 บาท อันนี้จะกั้นรั้วไม่ให้รถข้างนอกเข้ามาได้ ระบบปิดจะมี 9 ด่าน มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 19 เมษายนเป็นต้นไป คือ หลังวันหยุดสงกรานต์ โดยค่าผ่านทางสูงสุดจากปัจจุบัน 60 บาท เป็น 105 บาท สำหรับรถยนต์ไม่เกินสี่ล้อ จากเดิมมีทางไปถึงบางพระ แต่หลังจากนี้ไปถึงพัทยาแล้ว" ณัฐพรกล่าว 
สำหรับการจัดเก็บค่าธรรมเนียมนั้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 9 ด่าน จากเดิม 5 ด่าน โดย 9 ด่าน ประกอบด้วย ด่านลาดกระบัง บางบ่อ บางปะกง พนัสนิคม บ้านบึง บางพระ หนอมขาม โป่ง และด้านพัทยา สำหรับค่าธรรมเนียมจะเพิ่มขึ้นเป็นรถยนต์ไม่เกิน 4 ล้อ จากเดิมสูงสุดไม่เกิน 60 บาท เป็นสูงสุดไม่เกิน 105 บาท รถยนต์เกิน 4 ล้อ แต่ไม่เกิน 6 ล้อ เพิ่มเป็น สูงสุดไม่เกิน 170 บาท และ เกิน 6 ล้อขึ้นไป ไม่เกิน 245 บาท

รวมทั้งค่ารถเมล์ก็จะขึ้นด้วย เพราะผู้บริหารชี้แจงว่า  ปัจจุบันรถเมล์ ขสมก.คิดค่าโดยสารถูกกว่ารถร่วม 2 บาท   จึงเสนอปรับค่าโดยสารขึ้น 2บาทให้เท่าเทียมกัน    ขณะที่บริการ ขสมก. มีมาตรฐานและคุณภาพไม่แพ้รถร่วมบริการที่คิดค่าโดยสารรถเมล์ร้อน9 บาท  ดังนั้นหากทยอยปรับค่าโดยสารให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงจะทำให้สภาพคล่องขององค์กรดีขึ้นภายใน3-5 ปี  ซึ่งเห็นว่าการปรับค่าโดยสารในราคานี้เหมาะสมเป็นธรรมและอยู่ในฐานที่ประชาชนรับได้ นอกจากนี้เมื่อรับรถเมล์ใหม่489 คันครบแล้วถือว่า ขสมก.ได้เพิ่มคุณภาพบริการแล้วจึงถึงเวลาเหมาะสม 

ปัจจุบันต้นทุนรถเมล์ร้อนอยู่ที่ 15 บาท รถแอร์ 20 บาท ทั้งนี้ ขสมก.จะนำเสนอแผนฟื้นฟูกิจการเข้าสู่ที่ประชุมสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.) ในวันที่ 19 ม.ค.นี้ ซึ่งจะมีทั้งแผนเพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายแผนลงทุนและแผนปรับค่าโดยสารเป็นต้น หากได้รับความเห็นชอบจาก คนร. จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ต่อไป หากได้รับความเห็นชอบก็พร้อมปรับราคาภายในปีนี้

 วีระพงษ์ วงศ์แหวน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชน กรุงเทพ (สร.ขสมก) กล่าวว่า  เตรียมทำหนังสือ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมขอให้ปรับราคารถเมล์  เพื่อแก้ปัญหาขาดทุนสะสมขององค์กร ที่มีกว่าแสนล้านบาท  เพราะมีต้นทุนรถร้อนอยู่ที่ 15บาท และรถปรับอากาศอยู่ที่ 20 บาท  เพราะรายได้น้อยกว่ารายจ่าย ทั้งนี้ปรับขึ้นไปที่8-9 บาททยอยปรับทีละ 1-2บาทจนไปจนถึงราคาต้นทุนที่15 บาท  รวมถึงเสนอให้เก็บค่ารถเมล์เอ็นจีวีใหม่ 489คันในราคาใหล้เคียงต้นทุนเริ่มที่ 15 บาท  ซึ่งจะไม่กระทบผู้มีรายได้น้อยเนื่องจากรัฐบาลออกบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยให้ใช้เป็นค่าเดินทางอยู่แล้ว