- 30 ม.ค. 2561
FB : DEEPS NEWS
จากกรณีน.พ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัช กรรม (อภ.) ได้ออกมาเปิดเผยว่า ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งโรงงานผลิตยารักษามะเร็งใน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มยาเคมีบำบัดชนิดเม็ดและฉีด (Chemotherapy) 2. กลุ่มยาเคมีชนิดเม็ดและยาฉีดชีววัตถุคล้ายคลึงประเภท Monoclonal antibodies (Biosimilar) และ 3. ยารักษาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (Targeted Therapy)
ทั้งนี้เพื่อทดแทนการนำเข้ายารักษามะเร็ง ที่ปัจจุบันยังต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ และช่วยทำให้คนไทยเข้าถึงยาได้มากขึ้น เนื่องจากจะทำให้ราคาลดลงไม่ตํ่ากว่า 50% จากปัจจุบัน และปัจจุบันยามะเร็งยังไม่สามารถผลิตได้ในประเทศไทย ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศทั้งหมด โดยความร่วมมือดังกล่าว อภ.จะใช้ความรู้และความเชี่ยวชาญของปตท. ในด้านการก่อสร้างโรงงาน การบริหารจัดการโรงงาน และการผลิตเคมี
ขณะที่ปัจจุบันมูลค่ายาทั้งระบบมีกว่า 1.5 แสนล้านบาท เป็นยาที่นำเข้ามาจากต่างประเทศสัดส่วน 70% ส่วนยาที่อภ.จำหน่ายมีมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดย อภ.นำเข้ายามะเร็งปีละ 3,000 ล้านบาท ซึ่งโรคมะเร็งเป็นโรคที่คนไทยเสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ประมาณ 6 หมื่นคนต่อปี หรือเฉลี่ยชั่วโมงละเกือบ 7 ราย ในขณะที่ทั่วโลกมีคนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสูงถึง 8 ล้านคนต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง มีทั้งจากภายในและภายนอกร่างกาย เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรม รวมถึงสารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนในอาหาร เป็นต้น โดยประเมินว่าอีก 30 ปีข้างหน้ายาในระบบประมาณ 50% จะเป็นกลุ่มยารักษามะเร็ง
“เบื้องต้นของความร่วมมือจะเป็นการศึกษาความเป็นไปได้ของการจัดตั้งโรงงาน คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2-3 ปีถึงจะรู้ว่าจะร่วมมือกันต่อไปอย่างไร แต่คาดว่าโรงงานที่จะก่อสร้างต้องใช้เม็ดเงินกว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่าปี 2568 น่าจะมีโรงงานที่ผลิตยามะเร็งขึ้นในประเทศไทย สำหรับสถานที่ก่อสร้างโรงงาน อยู่ระหว่างการพิจารณาคัดเลือก ซึ่งอภ.มีที่อำเภอหนองใหญ่ ขนาดกว่า 1,000 ไร่ แต่ยังไม่ได้พัฒนาและไม่มีระบบสาธารณูปโภค อีกที่นิคมอุตสาหกรรมวีโคซี่ จังหวัดระยอง ที่ถือว่ามีความพร้อมในด้านสาธารณูปโภค และอภ.ยังสามารถใช้ความรู้ทางเคมี ของกลุ่มปตท. มาผลิตสารตั้งต้นสำหรับการผลิตยา หรือสารเคมีที่นำมาใช้รักษาโรคมะเร็งได้อีกด้วย”
ด้านนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมชั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาร่วมกันว่าจะดำเนินการร่วมกันอย่างไร ซึ่งเป็นความเสริมความมั่นคงรัฐวิสาหกิจ โดย ปตท.มีความเชี่ยวชาญด้านเคมี การก่อสร้างโรงงาน การควบคุมต้นทุน การบริหารจัดการ และมีเคมีภัณฑ์พื้นฐาน ซึ่งสามารถเข้าไปช่วยสนับสนุนองค์การเภสัชฯได้ แต่เบื้องต้นยังไม่มีการหารือไปถึงการลงทุนร่วมกันแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ปตท.มีพื้นที่ที่พัฒนาแล้วพร้อมสร้างโรงงานได้ที่นิเวศอุตสาหกรรมวนารมย์ (PTT Wanarom Eco Zone Industries : PTT Wecozi) ตั้งอยู่ใน นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย จ.ระยอง ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งที่องค์การเภสัชฯสามารถเลือกตั้งโรงงานได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมว่าจะช่วยลดต้นทุนได้หรือไม่ด้วย