ติดตามข่าวสารได้ที่ www.deepsnews.com

จากกรณีการจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด ถูกจับกุมคดีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี ทำให้นึกถึง “สืบ นาคะเสถียร” ผู้พิทักษ์แห่งผืนป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งการฆ่าตัวตายของเขา ทำให้สังคมเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ 
ย้อนดูคลิปสัมภาษณ์ “สืบ นาคะเสถียร” ‘ลูกปืน 1 ลูก พวกผมอาจจับเขาได้ แต่การทำลายยังมีอยู่ตลอดเวลา’

ทั้งนี้ ตอนยังมีชีวิตอยู่ สืบ นาคะเสถียร ได้เคยให้สัมภาษณ์ถึงการบุกรุกป่าสงวนและล่าสัตว์สงวนว่า “ไอ้ลูกปืนที่ยิงออกไป 1 ลูก พวกผมอาจจะจับคนนั้นได้ 1 คน แต่จริงๆแล้ว พวกเขาเข้ามา 10 ครั้งอาจจะเจอพวกผมแค่ 1 ครั้ง ดังนั้นการล่าการทำลายยังไม่อยู่ ความต้องการในพื้นที่ เช่น การบุกรุก ถางป่า ก็ยังมีอยู่ตลอดเวลา”

สืบ อธิบายต่อไปว่า ทุ่งใหญ่ฯ-ห้วยขาแข้ง พื้นที่รวมกัน 5,745 ตารางกิโลเมตร แต่งบประมาณโดยเฉลี่ยปีละ 3 ล้านกว่าบาท ซึ่งตัวเลขนี้เฉลี่ยได้แค่ 1 ไร่ต่อ 83 สตางค์ ไม่ถึง 1 บาท แม้จะดูเหมือนว่าเราได้รักษาทรัพยากรป่าแล้ว แต่ในทางปฏิบัตินั้น เราไม่ได้รักษาเลย นอกจากนี้ ในส่วนของป่าสงวนที่ถูกทำลายจนเสื่อมสภาพไป ทางรัฐจะต้องจัดสรรงบประมาณอีกมาก เช่น ต้องใช้เงินถึง 1,000 บาท เพื่อปลูกต้นไม้ แต่ไม่ใช่ป่าธรรมชาติ เพราะไม่มีมนุษย์คนใด ปลูกป่าธรรมชาติได้
 

สืบ กล่าวว่า เพราะเวลาแค่ 5-6 ร้อยปี ยังไม่ใช่ป่าธรรมชาติ และเมื่อปลูกป่า แล้วสามารถตัดต้นไม้ได้ ก็จะกลายเป็นป่าเศรษฐกิจเท่านั้นเอง  ดังนั้น ต้องมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ถ้าผิดต้องลงโทษ ถ้าถูกต้องส่งเสริม จริงใจในการรักษา มิเช่นนั้นคงรักษาไม่อยู่