- 11 ก.พ. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.deepsnews.com
วานนี้เวลา 16.00 น. กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยในนามคนอยากเลือกตั้ง นำโดย นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นายสุกฤษฎิ์ เพียรสุวรรณ และ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ได้นัดร่วมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีประชาชนจำนวนประมาณ 200 คน มาร่วมชุมนุม ท่ามกลางมาตราการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจากตำรวจเกือบ 1000 นาย โดยไม่มีการพกปืนหรืออาวุธแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลานัดหมายตำรวจได้นำแผงเหล็กมากั้นไว้โดยรอบบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่สามารถเข้าพื้นที่ตามนัดหมายได้ สุดท้ายจึงต้องจัดชุมนุมบริเวณทางเท้าด้านข้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแทน โดยส่วนใหญ่ของผู้ชุมนุมไม่พบว่าเป็นเยาวชนคนหนุ่มสาว แต่เป็นผู้สูงวัยเสียเป็นส่วนใหญ่ที่มานั่งฟังการปราศรัย
น.ส.ชลธิชา กล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงว่า หากเจ้าหน้าที่ยืนยันที่จะนำรั้วเหล็กมาปิดกั้นการชุมนุมครั้งนี้ ตนก็จะนำมวลชนเดินไปบริเวณโดยรอบ โดยเป็นการชุมนุมอย่างสันติพร้อมกับพูดว่าประชาชนอยากมีการเลือกตั้งขอให้คสช. และรัฐบาลจัดการเลือกตั้งภายในเดือนพ.ย.นี้61 ไม่ให้มีการเลื่อนไปเดือน ก.พ.62
ด้านนายสิรวิชญ์ หรือจ่านิว ที่ถูกออกหมายจับพร้อมนายรังสิมันต์ โรม และ นายอานนท์ นำภา ได้ปรากฎตัวออกมาในเวลา 16.45 น. โดยปราศรัยว่า วันนี้ที่มาชุมนุมเพื่อเรียกร้องสิทธิให้มีการเลือกตั้งปีนี้ และขอขับไล่เผด็จการ หากไม่มีคำสั่งคสช.คาดว่าจะมีประชาชนออกมาเรียกร้องมากกว่านี้ พอกันทีกับการไม่รักษาคำพูดของรัฐบาล
“ ขอเรียกร้องให้พล อ ประยุทธ์ คสช จัดการเลือกตั้งในเดือนพย.61 เพราะเรารอไม่ไหวแล้ว เรามาทวงสิทธิของประชาชน ที่วันดีคืนดีมีคณะทรราชมาเอาจากเราไป และมีแนวโน้มว่าเขาจะต่อท่ออำนาจอยู่ยาวต่อไป....พอกันทีกับโรดแมพที่เลื่อนไปเรื่อยๆ ขยายเวลาไปเรื่อยๆเราไม่เอาแล้ว เราอยากให้มีการเลือกตั้งในเดือนพย.61 ทันที.... การเลือกตั้งจะเป็นจุดเริ่มต้นในการคิกออฟประชาธิปไตยเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการคืนอำนาจสู่ประชาชนอย่างแท้จริง” จ่านิวระบุ
จากนั้นในเวลา 17.15.น. นายรังสิมันต์ และ นายอานนท์ที่เดินถือกล่องหีบเลือกตั้งได้เดินทางมาถึงพื้นที่ นายรังสิมันส์กล่าวถึงกรณีถึงนาฬิกา ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าวันนี้พล.อ. ประวิตรมีนาฬิกาเยอะอยู่แล้ว ดังนั้นควรหยุดเอาเวลาของพวกเราไป รัฐบาลนี้อยู่ในอำนาจมานาน แต่ก็ดื้อที่จะอยู่ต่อ จึงเชื่อว่าเสียงของประชาชน จะแผดเผาพล.อ.ประวิตร และพล.อ.ประยุทธ์ จากนี้ประชาชนรุ่นใหม่ต้องออกมาสู้ ซึ่งประชาชนได้วาดฝันว่าจะเห็นการเลือกตั้งที่งอกงามอีกครั้ง แต่พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ได้พรากอนาคตของประเทศนี้ไป จึงขอให้ทุกคนออกมาขับไล่รัฐบาล
“ วันนี้ถือเป็นวันสิ้นสุดของคสช. เรามาวันนี้เพื่อเรียกร้อง 3 เรื่อง 1.เรามาเลือกตั้ง 2. เผด็จการจงพินาศ 3.ประชาธิปไตยจงเจริญ นี้คือจุดประสงค์ของการมาวันนี้ นี้คือจุดประสงค์ที่ประชาชนต้องการ....ถึงเวลาที่พี่น้องประชาชนทุกคนจะออกมาทวงคืนอิสระ มาทวงคืนประชาธิปไตย ถึงแม้คสช.จะมีปืนมีกฏหมาย แต่ประเทศนี้ก็จะเป็นของเราคนไทยทุกคนตลอดไป....ที่ผ่านมามีการใช้ตำรวจ ใช้กฏหมาย กลั่นแกล้งเรา วันนี้ไม่ใช่วันสุดท้ายแต่จะเป็นจุดเริ่มต้นของอีกหลายๆวันให้เราต่อสู้เพื่อทวงคืนปชต. วันนี้การใช้อินเตอร์เน็ตไม่พอขับไล่ พล.อ.ประวิตร พล.อ.ประยุทธ์ เราต้องออกมารวมตัวกันตรงนี้.....มีการจับคนที่ออกมาต่อต้าน ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยหลายคน อนาคตถ้าคสช.ยังอยู่จะมีคนถูกจับกุมอีกมาก เราขอเรียกร้องให้เลือกตั้งปีนี้ เผด็จการจงพินาศ และ ประชาธิปไตยจงเจริญ” นายรังสิมันต์กล่าว
อนึ่ง ระหว่างการชุมนุมครั้งนี้ได้มีการแจกโปสเตอร์หยุดวางไข่เผด็จการ หยุดยื้อเลือกตั้ง หยุดสืบทอดอำนาจมาแจก พร้อมกันนี้ยังมีนายสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาฮิวแมนไรต์ วอตช์ ประจำประเทศไทย นายสมบุติ บุญงามอนงค์ แกนนำวันอาทิตย์สีแดง นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ และน.ส.ณัฎฐา มหัทธนา ร่วมสังเกตการณ์และขึ้นรถปราศรัยด้วย
หลังการชุมนุมผ่านมาได้หลายชั่วโมง แกนนำได้ยุติการชุมนุมเวลา 19.45. นายสิรวิชญ์ นายรังสิมันต์ นายอานนท์ ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกรณีที่ถูกหมายจับกรณีจัดการชุมนุมที่สกายวอล์คเมื่อวันเสาร์ที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมาใน 3 ข้อหา อาทิ ฝ่าฝืนคำสั่งคสช. จัดการชุมนุมใกล้เขตพระราชฐาน เป็นต้น โดยตำรวจนำตัวไปที่สน.สำราญราษฎร์ ก่อนส่งตัวไปที่สน.ปทุมวัน ซึ่งเป็นเจ้าของหมายจับการชุมนุม โดยระหว่างที่ขึ้นรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนายสิรวิชญ์ และนายรังสิมันต์ ได้ชู 3 นิ้ว และตะโกนว่าในวันนี้ไม่ใช่วันสุดท้าย หลังจากนี้จะต้องสู้กันต่อไป และขอให้วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้
ถือเป็นการยุติการชุมนุม 5 ชั่วโมงของกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยในนามคนอยากเลือกตั้ง ที่งานนี้ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจ แม้แต่พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตรเองก็ห้ามประมาท เพราะคน 400 คนที่มาชุมนุมวันนี้อาจจะเพิ่มเป็นพัน เป็นหมื่นคนก็ได้ หากการบริหารประเทศยังไร้ธรรมาภิบาล คนทำงานไร้คุณธรรม ไร้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี นายกฯหลายคนที่ตกเก้าอี้ก็เพราะถูกม็อบเล็กๆแบบนี้ขยายแนวร่วมจนลุกลาม อย่าประมาทเด็ขาด