ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.partiharn.com

พวกภูตผีกลัวหลวงปู่ตื้อ พวกงูกลัวหลวงปู่แหวน!!  อุปนิสัยที่แตกต่างของ "สองสหธรรมิกแห่งพุทธศาสนา" #หลวงปู่ตื้อ #หลวงปู่แหวน !!!

(หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม)

 

            หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ และหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ร่วมเดินทางธุดงค์ไปจนถึงเมืองหลวงพระบาง แต่ก็ไม่ได้ไปด้วยกันโดยตลอด บางช่วงท่านก็แยกกันไป และบางโอกาสก็มาพักปักกลดด้วยกัน รวมทั้งบางโอกาสก็จำพรรษาร่วมกัน ทั้งสององค์จัดเป็นคู่อรรถคู่ธรรมที่แปลกมาก กล่าวคือทั้งสององค์ มีอุปนิสัยภายนอกที่แตกต่างกันอย่างมาก แต่ท่านก็ร่วมเป็นสหธรรมิกที่ไปด้วยกันได้เป็นอย่างดี 

 

พวกภูตผีกลัวหลวงปู่ตื้อ พวกงูกลัวหลวงปู่แหวน!!  อุปนิสัยที่แตกต่างของ "สองสหธรรมิกแห่งพุทธศาสนา" #หลวงปู่ตื้อ #หลวงปู่แหวน !!!

(หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ)

พวกภูตผีกลัวหลวงปู่ตื้อ พวกงูกลัวหลวงปู่แหวน!!  อุปนิสัยที่แตกต่างของ "สองสหธรรมิกแห่งพุทธศาสนา" #หลวงปู่ตื้อ #หลวงปู่แหวน !!!

            ทางด้านหลวงปู่ตื้อท่านเป็นพระที่ชอบพูด ชอบเทศน์ มีปฏิปทาผาดโผน พูดเสียงดัง ตรงไปตรงมาชนิดที่ไม่กลัวเกรงใคร ทางด้าน หลวงปู่แหวน กลับเป็นพระที่พูดน้อย เสียงเบา ชอบอยู่เงียบๆ ท่านไม่ชอบเทศน์ มีแต่ให้ข้อธรรมสั้นๆ มีปฏิปทาเรียบง่าย ไม่โลดโผน แม้หลวงปู่ทั้งสององค์ท่านมีอุปนิสัยภายนอกที่แตกต่างกัน แต่ท่านก็ร่วมเดินทางและเกื้อกูลซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี จัดเป็นสหธรรมิกที่มีความใกล้ชิดกันที่สุด 

             ในเรื่องนี้หลวงพ่อเปลี่ยน ปญฺญาปทีโป ท่านว่า "พวกภูตผีปีศาจกลัวหลวงปู่ตื้อ พวกงูและสัตว์เลื้อยคลานต่าง ๆ กลัวหลวงปู่แหวน" ส่วนเรื่องอาหารการขบฉัน หลวงปู่ตื้อ ไม่ชอบฉันกล้วย แต่หลวงปู่แหวนท่านชอบฉันกล้วย หลวงปู่ทั้งสององค์ท่านจึงไปด้วยกันได้เป็นอย่างดี แม้ในภายหลัง เมื่อหลวงปู่มั่นได้เดินทางกลับไปภาคอีสานแล้ว หลวงปู่ทั้งสององค์ก็ยังพำนักอยู่ในภาคเหนือต่อไป จนเข้าสู่วัยชราภาพ สถานที่ที่องค์ท่านทั้งสองพำนักอยู่ก็ไม่ห่างไกลกัน พอไปมาหาสู่และถามไถ่ถึงกันได้ตลอด

 

พวกภูตผีกลัวหลวงปู่ตื้อ พวกงูกลัวหลวงปู่แหวน!!  อุปนิสัยที่แตกต่างของ "สองสหธรรมิกแห่งพุทธศาสนา" #หลวงปู่ตื้อ #หลวงปู่แหวน !!!

             จากประวัติของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ซึ่งเรียบเรียงโดยอตฺถวโรภิกขุ (พระอาจารย์นาค) แห่งวัดสัมพันธวงศ์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้บันทึกการเดินธุดงค์ของหลวงปู่แหวนที่เกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่ตื้อไว้ว่า

            เมื่อสมัยหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ยังหนุ่ม ท่านชอบเที่ยวธุดงค์จาริกไปตามสถานที่ต่างๆ ทั้งในประเทศและนอกประเทศ เท่าที่จะสามารถเดินไปได้ สมัยก่อน การคมนาคมยังไม่สะดวก จะไปไหนไม่ต้องกังวลเรื่องรถเรื่องเรือ ทางสะดวกมีอยู่ทางเดียวคือ เดินไปแล้วก็เดินกลับ ในเขตภาคอิสาน นอกจากอุบลราชธานีแล้ว หลวงปู่แหวนท่านพำนักอยู่ที่อุดรธานีเป็นส่วนใหญ่ เช่นเมื่อครั้งไปตามหาท่านอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ที่บ้านค้อ ดงมะไฟ และเคยไปจำพรรษาที่นาหมี นายูง

           ต่อมาหลวงปู่ ไปจำพรรษาที่พระบาทบัวบก และเมื่อออกพรรษาก็ไปพักที่พระบาทหอนาง หรือพระบาทนางอุษา ซึ่งอยู่คนละฟากเขากับพระบาทบัวบก ส่วนเขตแดนอิสานอื่นก็มีที่ อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย  เมื่อหลวงปู่กลับมาพักผ่อนหลังจากจาริกไปลาว ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง ๑๔ วัน ตั้งใจจะเที่ยวตามเมืองต่างๆ จนถึงสิบสองปันนา สิบสองจุไท ทางเหนือ แต่ทหารฝรั่งเศสไม่ให้ไป จึงไปพักที่วัดใต้หลวงพระบางระยะหนึ่ง แล้วก็กลับพร้อมด้วยหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม

          หลังจากพักหายเหนื่อย จึงปรึกษากับหลวงปู่ตื้อ มุ่งเดินทางไปทางภาคเหนือ...เดินไปค่ำไหนก็นอนที่นั่น และไม่มีลูกศิษย์เล็กให้เป็นห่วง หลวงปู่ทั้งสองท่านออกจากท่าลี่ จังหวัดเลย ไปออกด่านซ้าย ข้ามป่าเข้าไปอำเภอน้ำปาด ผ่านเขตอำเภอนครไทย ไปถึงอำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ แล้วตัดไปอำเภอนาน้อย แพร่ ผ่านหมู่บ้านชาวเขาเผ่าเย้า แล้วลงมาพักกับหมู่บ้านคนเมืองตามคำนิมนต์ จากนั้นจึงเดินทางต่อไปสูงเม่น เด่นชัย เดินไปตามทางรถไฟจนถึงลำปาง

           ส่วนหลวงปู่ตื้อท่านแยกตัวไปพักที่อำเภอเถิน หลวงปู่แหวนเดินทางต่อไปยังเชียงใหม่ เที่ยวดูภูมิประเทศโดยรอบ ทั้งบนดอยสุเทพและที่อื่นๆ แล้วจึงเดินทางกลับมาพบหลวงปู่ตื้อ ที่ลำปาง หลังจากนั้น ในปี พ.ศ ๒๔๖๔ หลวงปู่ทั้งสองก็แยกทางกัน หลวงปู่แหวน ลงไปกรุงเทพฯ เพื่อรับฟังธรรมอบรมจากท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ที่วัดบรมนิวาส แล้วท่านก็จาริกไปพม่าและอินเดีย ในตอนหลังทั้งหลวงปู่แหวน และหลวงปู่ตื้อ ได้ไปกราบหลวงปู่มั่น ที่เชียงใหม่ โดยหลวงปู่แหวน ได้ญัตติเป็นธรรมยุตก่อน ต่อจากนั้นทั้งสององค์ก็ท่องเที่ยวธุดงค์ติดตามหลวงปู่มั่น ไปยังที่ต่างๆ ในภาคเหนือติดต่อกันหลายปี

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://palungjit.org

                         www.dharma-gateway.com