- 07 มี.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
วันที่ 7 มี.ค. 61 สำนักข่าวซินหัว รายงานอ้างอิงจากสำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้ ว่าเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้มีการตกลงที่จะจัดการประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างสองชาติเกาหลีครั้งที่ 3 ซึ่งจะมีประธานาธิบดีจากทั้ง 2 ประเทศเข้าร่วมพบปะพูดคุยกันในปลายเดือน เม.ย. นี้ ที่หมู่บ้านพันมุนจอม ซึ่งเป็นเขตปลอดอาวุธบริเวณชายแดนสองเกาหลี
ทั้งนี้ ผลการตกลงการประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างสองชาติเกาหลี เกิดขึ้นหลังจากที่ นายจอง อึย ยอง ที่ปรึกษาสูงสุดด้านความมั่นคงของชาติของนายมุน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้เดินทางมาหารือข้อตกลงกับ นายคิม จอง อึน ที่กรุงเปียงยาง เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลา 2 วัน
นายจอง อึย ยอง กล่าวว่า เกาหลีใต้และเกาหลีเหนือตกลงกันว่าจะต่อสายตรงระหว่างสองผู้นำ เพื่อให้มีการหารืออย่างใกล้ชิด ลดความตึงเครียดทางทหาร และการพูดคุยผ่านโทรศัพท์ครั้งแรกจะจัดขึ้นก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำเกาหลีเหนือ-ใต้ครั้งที่ 3 โดยทางเกาหลีเหนือยังถอนคำพูดต่อจุดยืนของตนเองในกรณีการกำจัดอาวุธนิวเคลียร์อีกด้วย ซึ่งเกาหลีเหนือกล่าวถึงจุดยืนของเขาอย่างชัดเจนต่อกรณีการปลดอาวุธนิวเคลียร์ออกจากคาบสมุทรเกาหลี และบอกว่าพวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะครอบครอบอาวุธนิวเคลียร์หากได้รับประกันความปลอดภัยของประเทศ และหากเลิกข่มขู่ทางทหารต่อเกาหลีเหนือ
นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังแสดงความยินดีที่จะคุยกับสหรัฐฯโดยตรงถึงวิถีทางที่จะบรรลุข้อตกลงปลดอาวุธนิวเคลียร์ รวมถึงประเด็นที่จะปรับความสัมพันธ์ทวิภาคีกับสหรัฐฯให้อยู่ในระดับปกติ ซึ่งเกาหลีเหนือยังสัญญาว่าจะไม่มีการปลุกปั่นทางทหารใดๆ อย่างเช่นการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์หรือปล่อยขีปนาวุธข้ามทวีป ตราบใดที่การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการ นายจอง อึย ยอง กล่าว
ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดผู้นำเกาหลีเหนือ-ใต้ เมื่อ 2 ครั้งที่ผ่านมามีขึ้นในปี 2000 และ 2007 ซึ่งก่อนหน้านี้ฝ่ายสหรัฐฯ เคยออกมาบอกว่าพร้อมเจรจากับเกาหลีเหนือ แต่ทว่าผลลัพธ์ของการเจรจาต้องเป็นการปลดอาวุธนิวเคลียร์เท่านั้น เมื่อเกาหลีเหนือแสดงท่าทีเช่นนี้ ทางเพนตากอนก็ออกมาบอกว่าเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ต้องรอดูกันไปก่อน
ขณะที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ทวีตข้อความว่า การเจรจากับเกาหลีเหนือกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการที่น่าจะเป็นไปได้จริง เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี และหลายฝ่ายก็ได้ทุ่มเทกันอย่างมาก ซึ่งต้องรอดูกันต่อไปว่าการเผชิญหน้าและเจรจาจะสามารถยุติวิกฤตการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีได้หรือไม่
ขอบคุณ FB : China Xinhua News