AGE ปิดงบปี 60 โชว์กำไร 120 ล้านบาท ใจดีจ่ายปันผลเป็นหุ้น 10:1  ตั้งเป้ารายได้รวมปี 61 โต 20-25% สต็อกออเดอร์ยาวถึงกลางปี

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tnew.co.th

AGE ปิดงบปี 60 โชว์กำไร 120 ล้านบาท ใจดีจ่ายปันผลเป็นหุ้น 10:1  ตั้งเป้ารายได้รวมปี 61 โต 20-25% สต็อกออเดอร์ยาวถึงกลางปี

AGE ปิดงบปี 60 โชว์กำไร 120 ล้านบาท ใจดีจ่ายปันผลเป็นหุ้น 10:1  ตั้งเป้ารายได้รวมปี 61 โต 20-25% สต็อกออเดอร์ยาวถึงกลางปี

กรุงเทพฯ – บมจ.เอเชียกรีน เอนเนอจี  (AGE) แจ้งผลการดำเนินงานปี 60 โชว์ยอดขายถ่านหิน  2.54 ล้านตัน ส่งผลรายได้รวม 5,931 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% กำไรสุทธิ 120 ล้านบาท ลดลง 21%  เป็นผลมาจากการขาดทุนทางอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาส 1/60  ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลเป็นหุ้น งวดปี 2560 ในอัตราส่วน 10:1 เตรียมขึ้น XD วันที่ 14 มีนาคม 2561 ด้านผู้บริหาร “พนม ควรสถาพร” ตั้งเป้ารายได้รวมปี 61 โต 20-25% ลุยตลาดถ่านหิน เวียดนาม และการขยายตลาดในประเทศที่ตุนออเดอร์ยาวถึงไตรมาส 2/61 พร้อมขยับฐานธุรกิจโลจิสติกส์ขนส่งทางน้ำ ภานในไตรมาส 2/61 จ่อรับมอบเรือลำเลียง 4 ลำ และสั่งต่อเพิ่มอีก 10 ลำทันที 

นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชียกรีน เอนเนอจี จำกัด(มหาชน) หรือ AGE ผู้นำเข้าและจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ว่า บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 5,931.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  27.70% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหินที่ 5,785.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.70% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และกำไรสุทธิ อยู่ที่ 120.51 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 21.60%  เนื่องจากการขาดทุนทางอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงไตรมาส 1 ปี 2560

รายได้รวมปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการขยายตลาดในประเทศ เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบจากปีก่อน โดยยอดขายในประเทศอยู่ที่  2.1 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 12.6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่งผลให้สิ้นปี 2560 บริษัทฯมีปริมาณการจำหน่ายถ่านหินทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศอยู่ที่ 2.54 ล้านตัน และมีรายได้จากธุรกิจการให้บริการอยู่ที่ 146.68 ล้านบาท คิดเป็น 2.47% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 242. 30% จากปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิปรับตัวลดลง เนื่องจากมีผลขาดทุนทางอัตราแลกเปลี่ยน ที่ 37.20 ล้านบาท ในขณะที่ในปี 2559 มีผลกำไรทางอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 9.27 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทฯมีการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะต้นทุนการขนส่ง และคลังสินค้า โดยในปี 2560 บริษัทฯมีการให้บริการขนส่งทางน้ำ โดยเรือลำเลียง ซึ่งให้บริการขนส่งสินค้าได้หลากหลาย ทั้งสินค้าเกษตร และถ่านหิน จำนวน 8 ลำ และการจัดตั้งบริษัท ขนส่งสินค้าทางบก ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 70% ส่งผลให้บริษัทฯมีรายได้จากการให้บริการขนส่ง ทั้งทางน้ำ และทางบก รวมทั้งการให้บริการท่าเรือ และคลังสินค้า ในปี 2560 จำนวน 146.68 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่โดดเด่น และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงด้านรายได้ของบริษัทฯในอนาคต

ในปี 60 บริษัทฯมีการทำกลยุทธ์ โดยการเจาะตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเวียดนาม เพื่อเพิ่มช่องทางการขาย นอกเหนือจากตลาดในประเทศ โดยบริษัทฯได้จัดตั้งบริษัทในประเทศเวียดนาม เพื่อรุกตลาดในประเทศเวียดนามเพิ่มขึ้น โดยได้มีการลงทุนสร้าง คลังสินค้า และโรงงานคัดร่อน ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ และได้เริ่มประกอบกิจการในช่วงปลายปี 2560” นายพนม กล่าว

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯยังได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้น ในงวดปี 2560 ในอัตรส่วน 10:1 และเงินสดในอัตรา 0.0015 ต่อหุ้น โดยวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 14 มีนาคม 2561 และวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล  วันที่ 13 มีนาคม 2561 เพื่อจ่ายปันผลวันที่ 23 พฤษภาคม 2561  เนื่องจากบริษัทฯมีแผนลงทุน จัดทำเรือลำเลียง และปรับปรุงพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มเติม

บริษัทได้ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้รวมในปี 2561 อยู่ที่ 20-25%   โดยตั้งเป้ายอดขายถ่านหินทั้งปีที่ระดับ 3 ล้านตัน โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปี 2561 จะเพิ่มขึ้นเป็น 30% และในประเทศจะอยู่ที่ 70% เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่สัดส่วนรายได้ต่างประเทศจะอยู่ที่ 17% และในประเทศอยู่ที่ 83%  และจากกการขยายตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม จีน เพิ่มขึ้น

 ส่วนธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ขนส่งทางน้ำและทางบก รวมทั้งการให้บริการท่าเรือ และคลังสินค้านั้น บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ที่ 5% ของรายได้รวม โดยภายในช่วงไตรมาส 2/2561 จะมีแผน รับมอบเรือลำเลียงเพิ่ม จำนวน ลำ จากปัจจุบันที่มีเรือลำเลียง จำนวน 8 ลำ และมีแผนสั่งต่อเรือลำเลียงเพิ่มอีก 10 ลำ โดยหลังจากมีการส่งมอบเรือทั้งหมด จำนวนเรือของบริษัทฯเพิ่มเป็น 22 ลำ และสามารถรองรับความต้องการใช้บริการขนส่งทางน้ำ ของบรรดากลุ่มผู้ประกอบการเกือบทุกอุตสาหกรรม ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ