- 10 มี.ค. 2561
FB : DEEPS NEWS
จากกรณีการแถลงความคืบหน้าคดีหวย 30 ล้าน โดยมี พลตำรวจโทฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เกี่ยวกับการดำเนินคดีกับ พลตำรวจตรีสุทธิ พวงพิกุล อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดนมิชอบ ตามม.157 และการออกหมายจับเพิ่มเติมที่เป็นพยานฝ่ายนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี
“พลตำรวจตรีสุทธิ นั้นไม่ได้ทุจริต แต่อาจทำงานด้วยวุฒิภาวะต่ำ ขาดประสบการณ์ และเมื่อทนายความออกมาเคลื่อนไหวตำหนิการทำงานของตำรวจ ผู้การฯคงตกใจเลยกอดคอครูปรีชาไปจบที่ศาล เรื่องนี้ เริ่มต้นไม่ได้ทุจริต แต่หลังจากนั้นได้เปลี่ยนคำให้การ เพราะเริ่มต้นจากความเชื่อ และต้องการให้สำนวนพ้นตัวตำรวจ
โดยไม่คำนึกถึงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องบกพร่อง ส่วนเรื่องอายัดบัญชีธนาคารทำโดยมิชอบหรือไม่ ค่อยพิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากขณะนี้เงินเกือบทั้งหมดก็ยังคงอยู่ในธนาคาร คดีนี้ไม่ใช่เรื่องความเชื่อ การออกมาแถลงอีกก็เพื่อให้สังคมหายสับสน ไม่อยากให้ใครติดคุก ทั้งครูปรีชา แม่ค้า สำหรับเรื่องนี้เหมือนโดนสะกดจิตหมู่ทั้งหมดในพื้นที่” พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าว
ล่าสุดวันนี้(10มี.ค.) พล.ต.ท.ฐิติราช ได้ออกมาชี้แจงอีกครั้งกล่าวว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. เร่งรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธิ ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ยืนยันว่า ตำรวจไม่มีการช่วยเหลือกันผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ โดหลังจากนี้เมื่อแจ้งข้อหาแล้วพนักงานสอบสวนก็จะสรุปสำนวนส่งให้กับ ป.ป.ช. ต่อไป
“ตนไม่ได้บอกว่า พล.ต.ต.สุทธิ ไม่ได้ทุจริต แต่หมายความว่า ตอนเริ่มต้นเขาไม่ได้ทุจริต แต่ทำไปเพียงเพราะเชื่อว่าครูเป็นฝ่ายถูกจึงให้ความช่วยเหลือ แต่ต่อมาเขาได้แก้ไข ตัดต่อ เพิ่มเติม คำให้การในสำนวนเพื่อช่วยเหลือทางคดีกับฝ่ายครูปรีชา เมื่อทำเช่นนี้จึงถือเป็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่อย่างชัดเจน จึงต้องเนินคดีตามกฎหมาย
พฤติกรรมของผู้ต้องหาเป็นเหมือนการสะกดจิตหมู่นั้น เป็นการเปรียบเทียบ ครูปรีชามีความสามารถในการพูดและการสื่อสารโน้มน้าวให้คนทั่วไปเข้าใจได้ว่าตัวเองเป็นเจ้าของสลากฯที่ถูกโกงเอาไป จึงทำให้ทุกคนรอบข้างเกิดความเชื่อเกิดความสงสารเห็นใจจึงเข้ามาช่วยผู้ต้องหาเนื่องจากเข้าใจว่าถูกรังแก พฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นได้เสมอที่คนส่วนใหญ่มักจะเข้าข้างพวกพ้องตนเองเพราะความใกล้ชิดและสนิทสนม” ผบช.ก. กล่าว