- 12 มี.ค. 2561
ติดตามรายละเอียด FB : DEEPS NEWS
เป็นอีกหนึ่งการเคลื่อนไหวของกลุ่มสหภาพ บมจ.ทีโอที โดยมีอดีตแกนนำสหภาพรัฐวิสาหกิจอย่าง นายสมศักดิ์ โกสัยสุข เข้าร่วมเป็นกำลังใจ ในการเรียกร้องความชอบธรรมให้กับองค์กร สำหรับแผนงานการแยกทรัพย์สินประเภทอุปกรณ์โครงข่ายหลัก ไปตั้งเป็นบริษัทโครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ จำกัด หรือ NBN Co. และ บริษัทโครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด หรือ NGDC Co.
โดยล่าสุด สหภาพแรงงานบริษัทีโอที จำกัด (มหาชน ) ที่มี นายพงศ์ฐิติ พงศ์ศิลามณี ประธานสหภาพฯ ได้เข้ายื่นคำฟ้อง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม คณะรัฐมนตรี ต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนการจัดตั้งบริษัทโครงข่ายบอรดแบนด์แห่งชาติ จำกัด ( NBN CO.) กับบริษัทโครงข่ายระหว่างประเทศ และศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด (NGCD CO.) และสั่งห้ามโอนทรัพย์สินที่เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินอันเป็นทรัพย์สินที่ใช้ประโยชน์ของแผ่นดินให้แก่บริษัททั้งสอง
ทั้งนี้ นายพงศ์ฐิติ ระบุว่า ตามที่ครม. และกระทรวงดิจิทัลฯ มีมติเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2560 เร่งดำเนินการให้ บมจ.ทีโอที และ บมจ. กสท โทรคมนาคม จัดตั้งบริษัทสองบริษัทดังกล่าว และให้โอนโครงข่ายโทรคมนาคมไปให้นั้น โดยกำหนดต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมี.ค.นี้ ทางสหภาพฯและพนักงานบมจ.ทีโอที ผลดังกล่าวจะทำให้ทั้ง บมจ.ทีโอที และ บมจ. กสท โทรคมนาคม ไม่มีโครงข่ายสื่อสารหลักเป็นของตนเอง รวมถึงจะทำให้ บมจ.ทีโอที และ บมจ. กสท โทรคมนาคม ไม่มีศักยภาพเพียงพอต่อการแข่งขันทางธุรกิจในอนาคต เนื่องจากคู่แข่งขันซึ่งเป็นบริษัทเอกชนรายใหญ่ ล้วนมีอุปกรณ์และโครงข่ายสื่อสารหลักเป็นของตนเอง
“ที่ผ่านมาทางพนักงานทีโอทีได้มีการยื่นหนังสือคัดค้านการโอนทรัพย์สินดังกล่าวต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านศูนย์ดำรงธรรมต่าง ๆ และจุดบริการรับเรื่องร้องเรียนของประชาชน แต่ปรากฏว่าเรื่องทั้งหมดกลับเงียบหาย และจากการติดตามความคืบหน้า ทราบว่าเรื่องต่างๆ ถูกส่งต่อไปที่กระทรวงดิจิทัลฯแต่ก็ไม่มีคำตอบหรือคำชี้แจงใดจากผู้รับผิดชอบเลยแม้แต่น้อย”
ช่วงท้าย นายพงษ์ฐิติ พร้อมด้วยแถลงการณ์ของพนักงานบมจ.ทีโอที เน้นย้ำเหตุผลการคัดค้านการโอนย้ายทรัพย์สินไปไว้ในบริษัทลูกทั้งสอง อาทิเช่น
1.การแยกทรัพย์สินโครงข่ายบอร์ดแบนด์ของบมจ.ทีโอที แล้วโอนให้ NBN Co. ผิดหลักการของโครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ ตามที่รัฐบาลเห็นชอบ เพราะ NBN Co. ไม่มีสถานะที่จะเป็นบริษัทโครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ ตามที่กระทรวงดิจิทัลฯและคนร.ต่างปรารถนาจะให้เป็น ...
2.รัฐบาลประเทศออสเตรเลียได้จัดตั้งบริษัท NBN Co. ขึ้นเช่นเดียวกัน แต่ข้อแตกต่างระหว่าง NBN Co. ของไทยกับออสเตรเลีย คือ ของออสเตรเลียจะรวมเอาโครงข่ายทั้งหมดทุกเทคโนโลยีและที่อยู่ในการครอบครองของเอกชนด้วยมาไว้ที่เดียวกัน โดยบริษัทเอกชนจะทำหน้าที่เพียง Service providers และ NBN Co. ของออสเตรเลีย จำทำหน้าที่เป็น Network Provider
3.บมจ.ทีโอที มีทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์ อันได้แก่ โครงข่าย IP Broadband โครงข่ายเส้นใยแก้วนำแสง ท่อ Duct ใต้ดิน เสาโทรคมนาคม รวมทั้งคลื่นความถี่ 2100 MHz และ 2300 MHz ที่จะสามารถนำมาผนวกให้บริการบรอดแบนด์ได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย ดังนั้นหากจะให้ บมจ.ทีโอที ทำบทบาท NBN Co. จะสมบูรณ์ภายในองค์กร
4.การสรหาผู้บริหารใน NBN Co. พบว่าส่วนใหญ่เคยเป็นผู้บริหารของบมจ.ทีโอที ที่ไม่ทำหน้าที่เกี่ยวกับโครงข่ายบรอดแบนด์ โดยเฉพาะโครงข่ายเส้นใยแก้วนำแสง แต่เป็นผู้บริหารที่ดูแลงานให้ลูกค้า ตรงข้ามคนที่องค์ความรู้ มีทักษะในการปฏิบัติงานกลับไม่ถูกเลือก จึงถือเป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
5.บมจ.ทีโอที ดำเนินการโอนทรัพย์สินไปยัง NBN Co. ยังไม่ครบถ้วนตามที่มติครม.กำหนด แต่รัฐมนตรียังไม่ได้ให้ความเห็นชอบในทรัพย์สินที่จะโอนย้าย ดังนั้นการโอนย้ายสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน โดยไม่มีกฎหมายรองรับ จึงเป็นการดำเนินการที่มิชอบโดยกฎหมาย
"สองบริษัทที่ตั้งขึ้น เป็นนิติบุคคลในระบบกฎหมายเอกชน แต่โครงข่ายโทรคมนาคม และทรัพย์สินต่างๆ เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินที่ยังไม่ได้ถูกถอนให้เป็นทรัพย์สินของแผ่นดินธรรมดา จึงไม่สามารถที่จะโอนไปเป็นของ 2 บริษัทดังกล่าวได้ และการโอนทรัพย์สินดังกล่าวก็ไม่เปิดให้ประชาชนทั่วไปและผู้ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมแสดงความคิดเห็นทั้งที่โครงข่ายคมนาคมก็เป็นทรัพย์สินที่ไม่ต่างจากท่อก๊าซของปตท. ที่เป็นทรัพย์สินของแผ่นดินซึ่งไม่สามารถโอนย้ายได้ "
ทั้งหมดจึงเป็นที่มาในข้อสรุปขอให้รัฐบาลยกเลิกแนวทางการฟื้นฟู บมจ.ทีโอที ด้วยการแยกทรัพย์สินของ บมจ.ทีโอที ไปไว้ที่ NBN Co. และ NGDC Co. และเริ่มต้นเสนอแนวคิดการปฏิรูปองค์กรอย่างแท้จริง
รวมถึงขอให้พิจารณากำหนด Business Model ของบมจ.ทีโอที เป็นผู้บริหารโครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ แทนการแยกทรัพย์สินไปไว้ในบริษัทลูก NBN Co. นอกจากนั้นยังขอเรียกร้องให้กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที ลาออกจากตำแหน่ง ในฐานะผู้บริหารสูงสุดที่เห็นชอบและนำเสนอรัฐบาล โดยมิได้โต้แย้งหรือให้ความเห็นในฐานะที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจ ทั้งที่ย่อมรู้ดีว่าการตั้งบริษัทลูกแล้วโอนย้ายทรัพย์สินโครงข่ายของ บมจ.ทีโอทีไปให้บริษัทลูก เป็นการทำให้ บมจ.ทีโอทีอ่อนแอลง