กองทุนสวัสดิการ รวมใจเป็นหนึ่ง ของอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง ยอมจ่ายเงินชดเชยค่าทำศพและประกาศ ยุบกองทุน

วันที่ 13 มีนาคม  61 เวลา 10.30 น.ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี ร.ต.ต.กมลศิลป์ สิงหะสุริยะ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง ซึ่งเป็นประธาน กองทุนสวัสดิการ รวมใจเป็นหนึ่ง พร้อมด้วย ลูกสาว ทำหน้าที่เลขานุการและเหรัญญิก  ซึ่งมีฝ่ายผู้ร้องเรียน นำโดย นายธวัช อ่อนชาติ ,นางสังวาลย์ มณีโรจน์ แกนนำผู้ประสานงาน และชาวบ้านที่เป็นญาติๆของผู้เสียชีวิต ที่ยังไม่ได้รับเงินชดเชยค่าทำศพ เดินทางมาตามที่ได้นัดหมาย  โดยมี นายกฤษณ์ชานนท์ อุทัยเลี้ยง รักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ดำรงธรรมฯ ทำหน้าที่สอบถามและไกล่เกลี่ย ในเรื่องนี้

สืบเนื่องมาจากกรณีที่ชาวบ้านแห่กันไปยื่นหนังสือร้องเรียน กับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดร ฯ  มีชาวบ้านที่เป็นสมาชิกของกองทุนสวัสดิการ รวมใจเป็นหนึ่ง  โดยตั้งอยู่เลขที่ 13/1 ม.5 ตำบลบ้านเลื่อม อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมี ร.ต.ต.กมลศิลป์ สิงหะสุริยะ เป็นประธาน แต่ไม่ได้รับเงินค่าฌาปนกิจศพทำศพ หลังจากเสียชีวิตแล้ว มาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2560 จำนวนจำนวนกว่า 120 ราย

 

ร.ต.ต.กมลศิลป์ สิงหะสุริยะ  เปิดเผยว่า  กองทุนฯ ดังกล่าวนี้ ไม่ได้มีการขออนุญาตจัดตั้งจากทางราชการแต่อย่างใด โดยมีกรรมการก่อตั้งและร่วมกันดำเนินการจำนวน 4 คน แต่ไม่ได้มีการนำเอกสารมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่แต่ประการใด เป็นการรวมกลุ่มกันเองระหว่างกองทุนฯและชาวบ้าน ไม่มีข้อระเบียบบังคับกองทุนอะไรแต่อย่างใด เป็นเพียงตกลงกันด้วยวาจาเท่านั้น และได้มีการพิมพ์ใบปลิวเชิญชวนให้ชาวบ้านมาสมัครเป็นสมาชิกและส่วนหนึ่งก็มีผู้ประสานงาน นำเอาชาวบ้านจากหมู่บ้าน ตำบลและอำเภอต่างในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี เข้ามาสมัครเป็นสมาชิก

โดยประเภทที่1 เสียค่าสมัครครั้งแรกเข้าต้องเสียเงิน จำนวน 2,000 บาท จ่ายรายเดือนเล่มละ 300 บาท เสียชีวิตจะได้รับเงินค่าทำศพเล่มละ 80,000 บาท และหมวดรวมใจเป็นหนึ่ง ประเภทที่2  สมัครครั้งแรกเข้าต้องเสียเงิน จำนวน 1,500 บาท จ่ายรายเดือนเล่มละ 300 บาท จะได้รับเงินค่าทำศพเล่มละ 50,000 บาท  โดยสมาชิกทั้ง 2 ประเภท สามารถสมัครได้เกินกว่า 1 เล่มก็ได้ แต่ต้องเลือกได้ประเภท เดียวเท่านั้น  ซึ่งไม่ได้จ่ายเป็นรายศพเหมือนกับ กิจการฌาปนกิจสงเคราะห์ ทั่วไป

นายกฤษณ์ชานนท์ อุทัยเลี้ยง รักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ดำรงธรรมฯ  กล่าวว่า   การดำเนินการของกองทุนฯดังกล่าว เป็นการดำเนินการผิดกฎหมาย ฐานไม่ได้รับอนุญาตฯจากทางราชการ มีความผิดทางกฎหมายทั้ง ทางแพ่ง และอาญา โดยในเบื้องต้นนี้ต้องการให้ทางกองทุนฯ ให้ทำการตกลงไกล่เกลี่ยซึ่งยอมรับที่จะจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ที่เสียชีวิตทั้งหมด และให้ยุติการดำเนินการใดๆเอาไว้ก่อน พร้อมกันให้นำเงินที่เก็บจากสมาชิก จำนวน 2,850 เล่ม เพราะต้องพิจารณาและคิดคำนวณจากระยะเวลาที่ดำเนินการเก็บเงินจากสมาชิกเฉลี่ยต่อเดือน รวมแล้วเป็นเงินจำนวนหลายล้านบาท

หลังจากที่ ร.ต.ต.กมลศิลป์ฯ ได้ทำการชี้แจงและรับข้อเสนอการไกล่เกลี่ยแล้ว  โดยยอมรับว่าที่ผ่านมานั้น การดำเนินงานของคณะกรรมการกองทุนฯทำงานผิดพลาด จนทำให้เกิดปัญหาไม่มีเงินมาจ่ายให้กับสมาขิกผู้เสียชีวิต จนกลายเป็นเงินจำนวนมาก ซึ่งจะติดตามนำเงินมาจ่ายคืนให้กับสมาชิกที่ยังไม่ได้เสียชีวิต และจะไม่รับเงินรายเดือน จากสมาชิกที่เหลืออีกกว่า 2,000 ราย ส่วนผู้ที่เสียชีวิตแล้วก็จะทยอยจ่ายคืนให้หมดทุกราย ด้วย

รักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ดำรงธรรมฯ  กล่าวว่า   หลังเสร็จสิ้นการไกล่เกลี่ย ในวันนี้ เบื้องต้นนี้ทางแกนนำผู้ประสานงานต้องการให้กองทุนฯและผู้รับผิดชอบ ย้ายสมาชิกทั้งหมดที่เหลือประมาณ 2,000 คน ไปอยู่กับสมาคมหรือกองทุนอื่นที่มั่นคง แต่ฝ่ายบริหารกองทุนได้แจ้งให้ทราบว่า ทางกองทุนฯจะขอยุติและปิดกองทุนฯ และขอให้สมาชิกทั้งหมดไปจัดการกันเอง ทางศูนย์ดำรงธรรมฯ ก็แจ้งให้ผู้บริหารกองทุนฯพร้อมกรรมการบริหาร ได้กลับไปจัดการในเรื่องของบัญชีราย-รายจ่าย อย่างละเอียด นำเอามาให้ศูนย์ดำรงธรรม ฯ  เพื่อพิจารณาจัดการกำหนดวิธีการ การจ่ายเงินคืนให้กับสมาชิกทั้งที่เหลืออยู่และที่เสียชีวิตไปแล้ว ในวันที่ 22 มีนาคม  61 โดยทั้งสองฝ่าย กลับมาฟังการดำเนินการของฝ่ายกองทุนฯใหม่อีกครั้งหนึ่ง ดังกล่าว

นายกฤษดา  จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี ภูมิภาค สำนักข่าว ทีนิวส์