- 13 มี.ค. 2561
ติดตามรายละเอียด FB : DEEPS NEWS
สืบเนื่องจากการที่ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ ที่ 652/2559 ระหว่าง บริษัท ไทยทีวี จำกัด โดย นางพันธุ์ทิพา ศกุนต์ไชย กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท ไทยทีวี จำกัด หรือ เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ผู้ฟ้องคดีกับ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ที่ 1 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ที่ 2 ผู้ถูกฟ้องคดี
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การดำเนินการของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ในการเปลี่ยนผ่านระบบการรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์เป็นระบบดิจิตอลเป็นไปอย่างล่าช้าและไม่เป็นไปตามแผนงาน รวมทั้งการประชาสัมพันธ์การเปลี่ยนผ่านระบบโทรทัศน์ทำได้ไม่ทั่วถึง ประชาชนจึงไม่เข้าใจวิธีการเปลี่ยนผ่านระบบโทรทัศน์รวมทั้งการใช้คูปอง ทำให้การแลกซื้อเครื่องรับสัญญาณเป็นไปอย่างล่าช้า และประชาชนไม่สนใจ โทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลมากเท่าที่ควร
เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองไม่ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ดังกล่าว ผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิบอกเลิกการให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลทั้งสองช่องรายการดังกล่าว และผู้ฟ้องคดีต้องคืนคลื่นความถี่ที่เคยได้รับอนุญาตให้แก่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง โดยไม่มีสิทธิเผยแพร่ออกอากาศรายการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลได้อีกต่อไป
ล่าสุดนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แถลงหลังรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา ว่า ต้องขอบคุณศาลที่หาทางออกให้กับผู้ประกอบการ และกสทช. โดยคำพิพากษานี้มองว่าจะเป็นบรรทัดฐานให้กับช่องทีวีที่ต้องการคืนใบอนุญาตประกอบการในอนาคต ส่วน กสทช.จะมีการดำเนินยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลหรือไม่ พรุ่งนี้ (14 มี.ค.) จะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุม
"คำพิพากษาออกมาจะทำให้กระบวนการต่างๆ ง่ายขึ้น สิทธิในการที่จะเลิกประกอบการเป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ ไม่มีบรรทัดฐานว่าจะทำได้ หรือไม่ ส่วนหากผู้ประกอบการรายอื่นจะเลิกการให้บริการโดยยกคำพิพากษาครั้งนี้ก็สามารถทำได้ ยกเว้นว่าถ้ากสทช.ยื่นอุทธรณ์ทั้งหมดทุกประเด็นก็อาจจะต้องรอคำวินิจฉัยในชั้นอุทธรณ์..."
ส่วนกรณีหากในอนาคตมีช่องทีวี ต้องการจะคืนใบอนุญาตจะมีการมาตรฐานรองรับหรือช่วยเหลือบุคลากรด้านสื่อที่จะว่างงานอย่างไรในอนาคต นายฐากร ระบุว่า เรื่องดังกล่าวต้องไปถามกระทรวงพาณิชย์ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ขณะที่ก่อนหน้านั้น “ฉาย บุนนาค” ประธาน