“กลุ่มอยากเลือกตั้ง” เรียกร้องในยุบ คสช. “ลุงตู่”..อย่าไปฟัง เป็นเรื่องของเด็กเล่นขายของ!!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

จากการออกมาเคลื่อนไหวของนายรังสิมันต์ โรมและจ่านิว นาย สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย เริ่มต้นจากที่เรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง ภายในเดือนพฤษจิกายน2561 และต่อมารัฐบาลและพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตอบไปว่า โรดแมปชัดเจนที่จะไปเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์2562 อย่างแน่นอน


แต่คำยืนยันของพล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่มีผลจะทำให้กลุ่มการเมืองดังกล่าวหยุดเคลื่อนไหวแต่อย่างไร เพราะเจตนาในการเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ เป้าหมายหลัก คือการโจมตี ก่อกวน และรุกทางการเมืองต่อคสช. และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นจึงขยับเป้าการเคลื่อนไหวต่อว่าอย่างไรก็ตาม กลุ่มของตัวเองยืนยันที่จะมีการเลือกตั้ง ในเดือนพฤษจิกายน2561 และพยายามขยายบทบาทโดยการสร้างวาทกรรม “คนอยากเลือกตั้ง” ผ่านเสื้อผ้าที่ใส่มาชุมนุม เพื่อสร้างแรงกดดัน ไม่เพียงเท่านั้น กลุ่มนี้ยังขยายขอเรียกร้องต่อไป ว่าให้คสช.ยุบตัวเองเสีย เหตุผลเพื่อความเป็นกลางของการเมืองและไม่เพียงเท่านั้น ยังโจมตีถึงเรื่องสิ้นเปลืองงบประมาณนัด อ้างเหตุผลว่าต้องเสียเงินเป็นค่าตอบแทน พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตรจำนวนนับ 10 ล้าน

นายรังสิมันต์ โรม ถึงกับนั่งไม่ติดโพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้สวนกลับในทันที ว่า ขอย้ำอีกครั้งครับว่าการยุบ คสช. ทำได้แน่นอน ถ้าจะทำไม่ได้ก็เพราะคสช.ไม่อยากทำ เนื่องจากการดำรงตำแหน่งในคสช.เป็นหนทางหนึ่งในการแสวงหารายได้ ซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร มีรายได้จากการดำรงตำแหน่งดังกล่าวตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา รวมกัน 2 คนมากกว่า 10 ล้าน
การที่ทั้งสองคนออกมาพูดถึงเรื่องจึงรู้ดีว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นข้อเรียกร้องที่ตัดช่องทางรายได้ของคนใน คสช. ซึ่งรวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร

“อยากฝากพี่ๆ นักข่าวทุกท่านช่วยถาม พล.อ.ประยุทธ์-ประวิตร ว่าที่ไม่ยุบ คสช. เป็นเพราะเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนใช่หรือไม่ ท่านกังวลเรื่องช่องทางรายได้ใช่หรือไม่”

ซึ่งหลังจากที่ได้มีการเปิดประเด็นมา ก็ปรากฏว่า ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ตราหน้าออกมา ขอเรียกร้องของกลุ่มดังกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้เพราะอำนาจและหน้าที่ของคสช. นั้นเขียนเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ หากจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆก็ต้องแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้น

ล่าสุด วันที่ 14 มี.ค.61 พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ(ผบ.ทอ.) ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเรียกร้องดังกล่าวว่า ยุบไม่ได้ คงเป็นความเข้าใจผิด โดย คสช.ถือเป็นกลไกรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้มีบทบาทในการเลือกตั้ง มีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ตามที่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการ คสช.ได้ระบุไว้ เพื่อดูแลบรรยากาศการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยดี ยืนยันว่า คสช.ไม่ได้จะเป็นอุปสรรคต่อการเลือกตั้งแต่อย่างใด

เมื่อถามว่า ในฐานะ ผบ.เหล่าทัพ เป็นสมาชิก คสช. และมีกำลังพลในการกองทัพ จะวางบทบาทต่อการเลือกตั้งอย่างไร พล.อ.อ.จอม กล่าวว่า เราจะทำให้ดีที่สุดในเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย และยืนยันว่าเราจะวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงกลไกลต่างๆทางการเมือง ซึ่งบางคนเข้าใจผิด เพราะข้อเท็จจริงแล้วไม่เคยคิดที่จะเข้าไปแทรกแซง เพียงแต่หวังให้ทุกอย่างเดินไปด้วยดี

ก็ทันทีทันควัน เพจเฟซบุ๊ก “กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย” ก็ได้ออกมาโพสเฟสบุ๊ค ออกมาตอบโต้ทันทีว่า เป็นเรื่องง่ายๆในการที่แก้รัฐธรรมนูญ โดยระบุว่าบางช่วงว่า..
ทางออกง่ายๆ เลยคือแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 265 นี้เสีย

คสช. มักอ้างกฎหมายเสมอเมื่อมันเป็นประโยชน์ต่อสถานะทางอำนาจของตน (ในขณะที่ถ้ากฎหมายใดขัดขวางการใช้อำนาจของตนก็จะฉีกมันเสียดื้อๆ เลย) อ้างในทำนองว่ามันเป็นสิ่งที่มีอยู่มาตั้งแต่แรกแล้ว มันกำหนดเอาไว้อย่างนั้น จึงต้องปฏิบัติตามมัน จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงใดๆ ไม่ได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 นี้ คสช. ก็ร่างขึ้นมาเองทั้งหมด เพื่อตอบสนองความต้องการและผลประโยชน์ของตัวเอง

ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นปี 2560 คสช. เองก็เคยแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แม้ว่าจะผ่านการลงประชามติไปแล้วแต่ก็ยังหาช่องทางแก้จนได้ แล้วเหตุใดจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเปิดช่องทางให้ยุบ คสช. เร็วกว่าเดิมบ้างไม่ได้

มาตราเดียวที่ต้องถูกแก้เพื่อเปิดทางให้ยุบ คสช. ได้คือมาตรา 265 ซึ่งเป็นบทเฉพาะกาล ไม่ใช่บทถาวร ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จึงไม่เป็นการกระทบต่อสิทธิเสรีภาพเสรีภาพของประชาชนแต่อย่างใดเลย อันที่จริงเป็นการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชนด้วยซ้ำ เพราะนำไปสู่การยกเลิกคณะบุคคลที่มีอำนาจละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้อย่างไม่จำกัด

หากถามถึงเหตุผลของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดช่องทางให้ยุบ คสช. ก็เป็นไปตามที่พวกเราได้แถลงไปแล้วว่า เพื่อสร้างหลักประกันว่าจะไม่มีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก และไม่มีการสืบทอดอำนาจของ คสช. ต่อไป

ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาในเรื่องนี้ก็คือ คสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองหัวหน้าคสช.และรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง เสียท่ากลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง กลุ่มนี้สะแล้ว ที่ออกมาตอบโตและกลายมาเป็นคู่กรณี ทำให้ประเด็นข่าวขยายออกไปเรื่อย เพราะ กลุ่มที่เคลื่อนไหวดังกล่าวนี้ มีคนร่วมเคลื่อนไหวไม่กี่ 100 คน จัดชุมนุมมาหลายครั้ง ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากประชาชนแต่อย่างไร รู้แล้วก็คล้าย เด็กเล่นขายของ แต่ได้มีการกำหนดยุทธ์ศาสตร์การเคลื่อนไหวเอาไว้ชัดเจน ว่าจะต้องก่อกวน ว่าจะต้องสร้างกระแส ดังนั้น เมื่อระดับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกมาตอบ ออกมาต่อล่อต่อเถียงก็เท่ากับว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มเด็กที่เล่นขายของนี้ มีราคา มีคุณค่ามาทันที สิ่งที่คสช.รัฐบาลควรจะทำในขณะนี้ คืออย่าได้ให้ความสนใจ ในข้อเรียกร้องที่เป็นเกมส์ทางการเมือง ของกลุ่มที่มีเป้าหมายทางการเมืองชัดเจนอยู่แล้ว