ไหนว่า"ชินวัตร"ไม่เกี่ยวกับ "เพื่อไทย"ไม่ได้เป็นเจ้าของพรรค แค่"ลูกโอ๊ค"ลูกชายทักษิณยังใหญ่คับพรรค!!

ออกโรงแล้วลูกโอ๊ค. นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของนายทักษิณ ชินวัตร โพสต์ Facebook ในวันที่14 มีนาคม 2561 พาดหัวดุเดือดเลือดพล่านจวกนักการเมืองในพรรคเพื่อไทย เป็นใครเดี๋ยวจะได้มาขยายความกัน

 

นายพานทองแท้พาดหัวว่า “คิดจะแจ้งเกิดแบบผิดๆอาจกลายเป็นแจ้งดับได้. คิดกันให้ดีเถอะครับ” แน่นอนว่าการ จั่วเรื่องแบบนี้คงจะหมายถึงพฤติกรรม ของนักการเมืองในพรรคเพื่อไทยบางคน โดยระบุเนื้อหาว่า.  ในขณะที่น้องๆนักศึกษา และพี่น้องประชาชน เริ่มจะตื่นตัว และคอยเฝ้าจับตาพฤติกรรมการใช้อำนาจรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนตน จนฝ่ายประชาธิปไตยทำท่าจะมีแต้มต่อเหนือเผด็จการฯอยู่รอมร่อ

 

แต่...มนุษย์การเมือง!! แทนที่จะผนึกกำลังกัน เพื่อเป็นที่พึ่งที่หวังให้กับประชาชน และเป็นหลักให้กับคนรักประชาธิปไตย กลับใช้ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้  หาเรื่องมาทะเลาะเบาะแว้ง แก่งแย่งชิงดีกันได้อีก

 

มีประเด็นอะไรพูดกันด้วยเหตุผลภายในพรรคฯ จะผิดจะถูกผมไม่เคยว่า แต่เล่นใช้วิธีปั่นกระแสแบบนักเลงคีย์บอร์ดโบราณ เปิดเพจวันเสาร์ พอวันจันทร์ก็ให้เด็กโพสต์ ผู้ใหญ่กระจายข่าว ยัดข่าวให้สื่อนำบทความจากเฟสบุ๊คไปลงต่อ ทั้งแชร์ทั้งรีโพสต์รายชั่วโมง จนทีมมอนิเตอร์ต้องส่งข้อมูลมาให้ผมดู พร้อมทั้งถามว่า จะทำแบบนี้ให้พรรคฯพังไป เพื่ออะไรกัน..??

คนที่เคยเรียนพื้นฐานวิชา Online Marketing จะทราบดีว่า วิธีการปั่นกระแสแบบเบสิคและทำง่าย ลงทุนน้อยที่สุด แต่ก็โดนจับผิดได้ง่ายเช่นกัน คือการเปิดเพจอื่น แล้วเราไปกระจาย โดยอ้างว่าเป็นการแชร์ความคิดเห็นของคนอื่น

 

รายละเอียดและข้อสังเกตต่างๆ ของเหตุการณ์ครั้งนี้ ยังมีเข้ามาที่ผมอีกเยอะนะครับ เพราะเรื่องนี้มันผิดทั้งข้อมูลที่นำเสนอ ผิดทั้งแนวทางการให้ข่าว ผิดทั้งมารยาทและกาละเทศะ แต่ผมไม่อยากไปต่อความยาวสาวความยืด เพียงแต่ไม่อยากให้คนอื่นจำแนวทางผิดๆแบบนี้ไปทำอีก มันทำให้คนรุ่นใหม่ ที่เขาตั้งใจทำงานให้พรรคฯอย่างจริงจังอีกหลายสิบคน ส่งข้อมูลมาถึงผม และถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่ปรามเรื่องแบบนี้ เดี๋ยวก็จะได้ใจทำกันต่อไปอีก

 

ข้ออ้างที่บอกว่าทำไปเพื่อดึงกระแสคนรุ่นใหม่ ที่กำลังจัดตั้งพรรคฯอยู่ ผมบอกเลยมวยคนละชั้น ฝ่ายโน้นเขามีจุดยืนเรื่องประชาธิปไตยมานาน ไม่ใช่เพิ่งมาเปิดเพจแค่วันสองวัน เพื่อมาก้าวร้าวผู้ใหญ่เช่นนี้ และถ้าพรรคการเมืองที่อยู่ข้างประชาชนคนรักประชาธิปไตยไม่เป็นพันธมิตรกัน มัวแต่งแก่งแย่งชิงคะแนน และคิดกันได้แค่นี้ ไม่มีทางที่จะชนะพรรคเผด็จการฯได้...พูดเลย

 

คนการเมือง จะรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ ผมว่าอยู่ที่การกระทำมากกว่าอายุนะครับ

 

ถ้าคิดว่ายังสามารถจะปรับแนวทางการเมืองให้ตรงกันได้ ผมขอสนับสนุนแนวทางที่พี่ไก่วัฒนาได้นำเสนอไว้ครับ"

สาระสำคัญประเด็นแรกต้องมาดูว่า ใครกันที่พานทองแท้จวกในครั้งนี้ ใช่ "พชร นริพทะพันธุ์" เป็นทายาทนักการเมืองรุ่นเก่าของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ คนไม่ที่ได้ออกมาพูดวิพากษ์วิจารณ์กรณี “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์เกยุราพันธ์

แสดงความไม่เห็นด้วยกับคำสัมภาษณ์ของคุณหญิงสุดารัตน์ ในทำนอง“เอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น” ที่คุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่าพรรคเพื่อไทยติดหล่ม และเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาวิกฤติปัจจุบัน การแก้ปัญหาในอดีตจึงควรยึดแนวทางศาสนาแบบ “ต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน”

 

นี่เป็นประเด็นแรกเท่านั้น. ต่อมาในส่วนของประเด็นที่สองน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งในขณะที่คนในพรรคเพื่อไทยมันพูดกันถึงเรื่องการเรียกร้องการสร้างประชาธิปไตย. แล้วผู้คนได้ตั้งข้อสังเกตเขาสงสัยว่าพรรคเพื่อไทย มีประชาธิปไตยจริงหรือผู้คนในพรรคมีสิทธิ์ที่จะออกความคิดเห็นออกเสียงฟื้นความคิดหรือคำสั่งของนายทักษิณชินวัตรได้จริงหรือ

 

ปรากฏการณ์ที่เห็นเมื่อช่วงกลางเดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา การปรากฎตัวอดีตนายกรัฐ 2 พี่น้อง ตระกูลชิน ได้วนๆเวียนๆอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลประเทศไทย จนเกิดขึ้นพร้อมกับกระแสแกนนำพรรคเพื่อไทย บินตรงเพื่อเข้าพบพบอดีตนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 คน ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล บรรดาส.ส.พรรคเพื่อไทยได้เพราะกันยกโขยงกันไปพบสองอดีตนายกตระกูลชิน บ่งบอกถึงอะไร??

 

บ่งบอกว่า “ตระกูลชิน” เป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย..จะใช่ไม่ใช่ก็ต้องมาพิจารณาต่อขนาดนายพานทองแท้โพสต์จวกคนในพรรคได้ใช้ฐานะอะไรหากไม่ใช่ฐานะลูกทักษิณชินวัตรหรือฐานะที่คิดว่าพรรคเพื่อไทยเป็นของตนเอง

 

ยิ่งถ้าไปดูถ้อยคำที่ใช้ก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพานทองแท้ มีประเด็นอะไรพูดกันด้วยเหตุผลภายในพรรคฯ จะผิดจะถูก “ผมไม่เคยว่า” 

 

คำว่าผมไม่เคยว่าก็ต้องกลับมาถามฐานะของพานทองแท้เมื่อเปรียบเทียบกับคนในพรรคเพื่อไทยแล้วถือว่าอวิสโสอ่อนด้อยมากมีสิทธิ์จะใช้คำพูดหรือมีสิทธิ์จะไปว่ากล่าวใครได้ถ้าไม่ใช่ลูกทักษิณชินวัตร