ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ยังคงเป็นที่จับตามองอย่างต่อเนื่องสำหรับคดีหวย30ล้านอลเวงที่คาราคาซังกันมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2561 ระหว่างร.ต.ท.จรูญ และ ครูปรีชา ที่แม้ว่าคดีความในทางอาญานั้น เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2561 สำนักอัยการสูงสุด ได้มีมติสั่งไม่ฟ้องร.ต.ท.จรูญในข้อหายักยอกของตก และ รับของโจร ตามที่ครูปรีชาได้แจ้งความดำเนินคดีเอาไว้ 

โดยในวันนั้นที่สำนักอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก คณะพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ในชุดทำคดีล็อตเตอรี่ 30ล้าน นำโดย พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะหัวหน้าชุด พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม ได้นำสำนวนการสอบสวนและพยานหลักฐาน จำนวน 3ลัง และแฟ้มคดี 2 สำนวน จำนวนกว่า 2 พันหน้า 

โดยแบ่งเป็น สำนวนที่ ครูปรีชา ใคร่ครวญ กล่าวหา ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ว่ายักยอกของตก รับของโจร และสำนวน ที่ ร.ต.ท.จรูญ กล่าวหา ครูปรีชา และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น ผู้ต้องหาคดีล็อตเตอรี่30ล้าน ฐานแจ้งความเท็จ เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา  โดย พล.ต.ต.ชาญ ระบุว่า คดีนี้เริ่มทำสำนวนมาตั้งแต่รับโอนมาจากตำรวจภูธรภาค7 โดยยึดเนื้อหาเดิมเป็นหลัก และทางกองปราบปรามได้ทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และนิติวิทยาศาสตร์เป็นหลัก 

ด้าน นายพิทักษ์ อบสุวรรณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา และคณะทำงานสำนักงานคดีอาญา ได้ระบุว่า สำนวนที่ ร.ต.ท.จรูญ กล่าวหาครูปรีชาและเจ๊บ้าบิ่นนั้น มีการดำเนินการฝากขังไปแล้ว  ส่วนสำนวนที่ ครูปรีชา ผู้กล่าวหา ร.ต.ท. จรูญ ยักยอกของตก รับของโจร ซึ่งสำนวนนี้ พนักงานสอบสวน สั่งไม่ฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ    

สั้นๆแต่เจ็บหนัก !!! "ทนายตั้ม" จัดเบาๆ "คนใจเสาะ"....โค้งสุดท้ายหวย 30 ล้าน จุดจบคือถอนฟ้อง?!

แต่ยังไม่วาย ครูปรีชาก็ยังเดินหน้าฟ้องร.ต.ท.จรูญอีกครั้ง พร้อมพูดถึงฝั่งร.ต.ท.จรูญว่าหากซื้อล็อตเตอรรี่ชุดนั้นไปจริงทำไมจึงไม่มีแม้ค้าออกมาช่วยยืนยันให้เหมือนกับตน ยืนยันหวยเป็นของครูปรีชา และมีการเบิกตัวพยานคนใหม่อีกด้วย

หลังครูปรีชาเดินหน้าฟ้อง ตัวละครสำคัญในคดีนี้อย่างทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความของร.ต.ท.จรูญ ก็ได้โพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กระบุ ตอนนี้ผมกลัวอยู่อย่างเดียวครับ กลัวว่าครูจะไป.....ถอนฟ้อง

 

สั้นๆแต่เจ็บหนัก !!! "ทนายตั้ม" จัดเบาๆ "คนใจเสาะ"....โค้งสุดท้ายหวย 30 ล้าน จุดจบคือถอนฟ้อง?!

ล่าสุดความเคลื่อนไหวของฝั่งทนายตั้ม ได้โพสต์ข้อความสั้นๆอีกครั้งพร้อมแชร์บทวิเคราะห์คดีจากคุณศุภภัทร์พจน์ ที่พูดถึงทนายฝั่งครูปรีชาและพยานทั้งหลาย โดยเตือนว่าการเบิกพยานให้การเท็จผลเป็นอย่างไร หากรู้แล้วยินดีเสี่ยงก็ตามสบายแต่ไม่ว่าจะพิจารณาอย่างไรก็ไม่เห็นทางที่ครูจะชนะคดี

โดนใจทนายตั้มสุดๆ จึงโพสต์ข้อความว่า อย่างที่ผมเคยบอก ตอนนี้กลัวอย่างเดียว กลัวมีคนใจเสาะ.....ถอนฟ้อง เมื่อถึงวันสืบจะเหลือพยานซักกี่คน 4 มิถุนายน เจอกันครับ

และข้อความของศุภภัทร์พจน์นั้นระบุไว้ว่า

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา..........
มาตรา 46 ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
มาตรา 28 บุคคลเหล่านี้มีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาล (1) พนักงานอัยการ (2) ผู้เสียหาย
………เริ่มเห็นอะไรบ้างหรือยังครับ.....
...........ยกหลักกฎหมายและลำดับเหตุการณ์ให้ฟัง...(สำนวนจะโอนไปไหนต่อไหนอย่าไปสนใจ)
..........ต่อจากนี้ไปจะมีการสืบพยานในคดีแพ่งที่ครูปรีชายื่นฟ้องหมวดจรูญ ติดตามเงินที่ถูกรางวัล และไต่สวนมูลฟ้องคดีที่ครูปรีชาฟ้องคดีเองว่าหมวดจรูญยักยอกทรัพย์สินหาย หรือรับของโจร............
.......ขอนำเรียนว่า.... “ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา” แปลว่าคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา(เช่นคดีนี้) คดีแพ่งกับคดีอาญามีประเด็นเดียวกันว่าครูทำหวยตกและหมวดจรูญเก็บได้หรือไม่.....
...... กรณีอย่างนี้ ศาลในคดีแพ่งจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีอาญา แปลว่าในคดีแพ่งถึงแม้จะนัดสืบพยานก่อน โดยหลักศาลจะต้องจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว รอฟังคดีอาญา (ที่ครูฟ้องเอง)ว่า ศาลในคดีอาญาจะชี้ว่า ครูทำหวยตกและหมวดจรูญเก็บได้จริงหรือไม่................
........ ฟังทนายครูออกรายการพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “ทนายครูที่ทำคดีแพ่ง อย่าแถลงศาลให้จำหน่ายคดีชั่วคราว รอฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญานะครับ สืบพยานไปเลย...ว่างั้น...........
........ท่านทนายคงจะลืมไปว่า....การจำหน่ายคดีชั่วคราวในคดีแพ่งเพื่อรอฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญานั้น กฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจน ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีชั่วคราวเองได้....ไม่ต้องให้คู่ความแถลง.....ท่านน่าจะปล่อยไก่ไปแล้วหนึ่งฝูง........ฮา
.....ถ้าศาลในคดีอาญาพิพากษายกฟ้องเพราะคดีไม่มีมูล ไม่ประทับฟ้องไว้พิจารณา.........คดีส่วนแพ่งก็จำต้องถือตาม หมายฟามว่าคดีแพ่งศาลจะต้องยกฟ้อง.....ไม่ต้องสืบพยาน.........แต่ถ้าคดีอาญาศาลสั่งว่าคดีมีมูล ศาลก็จะประทับฟ้องไว้พิจารณา นัดสืบพยานกันต่อไป (คดีแพ่งรอฟังต่อ)
...........ไม่ได้ก้าวล่วงอำนาจการพิจารณาคดีของศาลส่วนอาญานะฮะ.....เท่าที่พิจารณาดูทุกซอกทุกมุมแล้ว ความเห็นผม ยังหาไม่เจอว่าครูจะชนะคดีได้ตรงไหน.......ศาลส่วนอาญาน่าจะพิพากษาว่าคดีไม่มีมูล...ยกฟ้อง ซึ่งคดีแพ่งต้องถือตามโดยการยกฟ้อง.....ไม่ต้องสืบพยาน...............
.......ถามว่า เมื่อเป็นอย่างนี้...ทำไมท่านทนายครูจึงฟ้องคดีอาญาเอง.....เข้าใจว่าท่านคงมั่นใจว่า...สามารถเอาชนะในคดีอาญาได้......ไม่รู้ท่านไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน..........
.......มีบางคำบางประโยคที่ฟังท่านทนายแล้วไม่ค่อยสบายใจคือ.........
......พยานทนายหามาเอง....พยานไม่ใช่เห็ดนะครับ ที่จะเปิดหาได้ตามป่า สุมทุมพุ่มไม้...หรืองอกได้เหมือนถั่วเขียว
......นายแผนไม่ได้อยู่ในแผน.....นายแผนช้ำแล้ว....การสืบพยานบุคคลคือการนำพยานเข้าเบิกความเพื่อให้เล่าข้อเท็จจริงตามที่ไปรู้ไปเห็นมาให้ศาลทราบ....มันมีช้ำ ไม่ช้ำด้วยเหรอครับ....แล้วไม่อยู่ในแผน...แผนอะไรเหรอฮะ.....
........ไม่ได้ประเมินพยานของท่านต่ำนะครับ...แต่อยากให้ท่านเตือนพยานด้วยว่า...การเบิกความเท็จมีโทษตามกฎหมาย...เมื่อพยานทราบแล้ว...ที่เหลือก็เป็นการเสี่ยงภัยเอง..........

 

 

 

ขอบคุณ ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ  และ  Subpatpoj Patr Nitisasathorn‎